นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช. พร้อมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เดินสายพบนักธุรกิจ แจงนโยบายยึดการลงทุนเสรี ส่งเสริมวิจัย พัฒนา จ้างคนไทย สร้างห่วงโซ่เอสเอ็มอีกับอุตสาหกรรมใหญ่ หวังต่างประเทศกระจายลงทุนในพื้นที่ต่างๆ ด้าน หัวเว่ย เชื่อไทยสามารถเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิภาค เพาเวอร์ไชน่า ลุยจัดการน้ำ ลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ ซีทีอีจ่อพัฒนาสารสนเทศ ส่วนชาวซานตงสนใจยางพารา
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเวลา 08.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ร่วมหารือกับนายหยาง ฉู่ กรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ (Huawei Technologies) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีบุคคลระดับสูง เช่น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ ที่ยึดหลักการค้าการลงทุนเสรี โดยรัฐบาลจะดำเนินมาตรการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนโดยเน้นแนวทาง ดังนี้ ส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการจ้างคนไทยตั้งแต่ระดับการปฎิบัติถึงระดับบริหาร สนับสนุนการสร้างห่วงโซ่กับ SMEs ของไทยกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีการปรับสิทธิประโยชน์ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของไทย นายกรัฐมนตรีอยากเห็นการลงทุนจากต่างประเทศที่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างงาน ให้มีการกระจายรายได้ และส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าและวัตถุดิบภายในประเทศ โดยอุตสาหกรรที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เช่น พลังงาน โทรคมนาคม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิตอลในอนาคต
ทางด้านกรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเว่ย กล่าวว่า สนใจในการลงทุนการพัฒนา Broadband อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท มีความยินดีที่จะปรับนโยบายให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริม R&D พัฒนาทักษะด้านบุคคลากร ทั้งนี้ เชื่อว่าภายใต้การบริหารของรัฐบาลไทยสามารถพัฒนาสู่ความเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Hub) ของภูมิภาคได้
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (9 พ.ย.) ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท เพาเวอร์ไชน่า บริษัท ZTE และกลุ่มนักธุรกิจจากมณฑลซานตง ณ โรงแรม Legendale โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีนและองค์กรภาคธุรกิจจีนที่สนใจมาลงทุนในไทยซึ่งรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจในหลายมิติ เช่น นโยบายพลังงานทางเลือก โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา เพื่อเพิ่มมูลค่ายางพาราไทย โดยมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ปรับปรุงสิทธิประโยชน์กับภาคเอกชนที่สนใจมาลงทุนในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับการพัฒนาของไทย
ทั้งนี้ บริษัท เพาเวอร์ไชน่า เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า มีความสนใจที่จะเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้มีส่วนร่วมในแผนบริหารจัดการน้ำของไทยด้วย
ด้านบริษัท ZTE เป็นรัฐวิสาหกิจที่เชี่ยวชาญในการวางเครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต สัญญาณ 4G และการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต พร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศของไทย
ส่วนกลุ่มนักธุรกิจจากมณฑลซานตง มีความสนใจในการแปรรูปยางพารา โดยจะนำคณะผู้แทนจากบริษัทเอกชนจำนวน 50 คน มาเยือนไทยเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานแปรรูปยางพารา โดยมีเป้าหมายใน 3 ประเทศ คือ พม่า อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งไทยมีประสิทธิภาพในการลงทุนสูงสุด