xs
xsm
sm
md
lg

“อุดมเดช” เผยคลื่นใต้น้ำมีไม่มาก แจง “ประยุทธ์” ยังไม่ใช้มาตรา 44 - ยันไม่สกัด “ยิ่งลักษณ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ภาพจากแฟ้ม)
ผบ.ทบ.ยืนยันนโยบาย คสช.เน้นทำความเข้าใจ เผยมีคนเห็นต่างเคลื่อนไหวแต่ไม่มาก ยันเวลานี้นายกฯ ไม่ใช้มาตรา 44 ควบคุมสถานการณ์ ชี้ปรองดองจะเกิดได้ ต้องอาศัยการผสมผสานทางความคิดและการยอมรับ เตรียมให้ ผบ.หน่วยไปคุย “วรชัย-ถาวร” เรียกร้องใช้ช่องทางสภาปฏิรูป ยันไม่คิดจำกัดหรือกลั่นแกล้ง “ยิ่งลักษณ์” อีกด้านแจงกรณีทหารยิงกันเองในค่ายที่ปัตตานี ยอมรับทหารเครียด เตรียมส่งชุดแพทย์ดูสภาพจิตใจเพิ่มพร้อมจัดกิจกรรมนันทนาการ



วันนี้ (7 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังจากเป็นประธานกล่าวให้โอวาท คณะนักกีฬายิงปืนยุทธวิธีกองทัพบก กลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 24 ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านการทำงานของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า สถานการณ์ขณะนี้ยอมรับว่ามีความเคลื่อนไหวของผู้เห็นต่าง แต่ไม่รุนแรงมาก ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล ทั้งนี้ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังเน้นการพูดคุยทำความเข้าใจ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ โดยเฉพาะในบางเรื่องบางประเด็นที่อาจเกิดความไม่เข้าใจกัน

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการไปยังหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ ให้ยึดนโยบายของทางนายกรัฐมนตรี เพื่อเสริมสร้างให้ความเข้าใจ กับกลุ่มคนเห็นต่าง และตนเชื่อว่าประเทศจะเดินไปได้ คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนการนำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญช่วยคราวมาปฎิบัติกับผู้เห็นต่างนั้น รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการขอให้ทุกคนสบายใจและร่วมมือกันในการทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า

“ขอยืนยันว่าขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังไม่ใช้มาตรา 44 ในการควบคุมสถานการณ์ สิ่งที่นายกฯ พูดก็เพื่อต้องการบอกให้ทุกคนเข้าใจว่า คสช.ยังมีอำนาจอยู่และสามารถดำเนินการได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหยิบมาใช้ในทันทีทันใด ทั้งนี้การดำเนินการกับกลุ่มผู้ต่อต้านยังยึดหลักการทำความเข้าใจเหมือนเดิม” พล.อ.อุดมเดชกล่าว

เมื่อถามว่า ได้มีการเรียกตัวนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาพูดคุยในฐานะที่ทั้งสองได้ออกมาให้สัมภาษณ์กดดันการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า กำลังดูอยู่ และพยายามทำความเข้าใจ ถ้ามีโอกาส จะให้ ผบ.หน่วยที่ดูแลพื้นที่นั้นๆ เข้าไปพูดคุย เชื่อว่าทุกคนอยากให้ประเทศเดินไปข้าง แต่มีวิธีการแสดงออกที่แตกต่างกันไปตามความคิด แต่เชื่อว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเจ้าหน้าที่

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านปรากฏในพื้นที่ใดบ้าง พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า หากใช้คำว่าการเคลื่อนไหวจะมองเป็นภาพใหญ่เกินไป จากข้อมูลทราบว่ามีการพูดคุยให้ข้อคิดเห็นกัน มีการแสดงออกผ่านการจัดเวทีเสวนา อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้มีกฎระเบียบอยู่แล้วว่าจะดำเนินการใดๆ ต้องขออนุญาต คสช.ก่อน และจะต้องไม่มีการพูดคุยที่ทำให้เกิดความแตกแยก ยุยงปลุกปั่นในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ที่ผ่านมาก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเพียงเล็กๆ น้อยๆ พูดคุยกันก็ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้กลุ่มเห็นต่างทุกกลุ่ม ได้ใช้ช่องทางสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทั้ง 11 ด้าน มากกว่า แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างพูดโดยใช้ช่องทางข้างนอก ภาพที่ออกจะไม่ก่อให้เกิดความรักความสามัคคี

เมื่อถามว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุดและคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าวจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องอีกหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทุกอย่างต้องยึดตามความถูกต้อง อะไรถูกหรือผิด ผลจะแสดงออกมาเองตามขั้นตอนและวิธีการ ตนเชื่อมั่นว่าความถูกต้องมีอยู่

เมื่อถามว่า คสช.ไม่ได้สะกัดกั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือสมาชิกพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในรัฐบาลต่างเข้าใจว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องมีการผสมผสานความเข้าใจทางความคิด การยอมรับและพึ่งพอใจของทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นจะไปจำกัดหรือกลั่นแกล้งใคร ท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ทำ เพราะยุทธศาสตร์แห่งความสำเร็จต้องมีความเข้าใจ และยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งในรอบปีนี้ เราจะมีการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ถ้าหากไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ซึ่งตรงนี้รัฐบาลเองก็เข้าใจ จึงไม่ได้เข้าไปแบ่งแยก เพียงแต่ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกสี ต้องพยายามเข้าใจ ไม่เคลื่อนไหวไปคนละทิศละทาง และหันหน้ามาคุยกันบนเวทีที่เราเปิดให้

พล.อ.อุดมเดชยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ฉก.ปน.) ยิงกันเองจนมีทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะการปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นงานหนัก รวมถึงปัญหารอบๆ ตัวมารุมเร้าเข้ามา ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำและมอบนโยบายในช่วงที่เข้ารับหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบกใหม่ๆ โดยรับนโยบายมาจากนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอยากให้เป็นปีที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความสงบมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ตนได้มอบภารกิจและรายละเอียดต่างๆ ไปมากพอสมควร ให้กับ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ร่วมถึงผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในจังหวัดต่างๆ โดยใช้รองแม่ทัพภาคที่ 4 มาดูแล ก็มีรายละเอียดมากพอสมควร ได้มีการพูดคุยและลงไปตรวจเยี่ยม ทุกคนก็เน้นจะให้เกิดความสำเร็จขึ้นมา และอาจจะมีความเครียดอะไรบ้าง รวมถึงเรื่องส่วนตัวของกำลังพล เพราะทุกคนต้องเสียสละห่างบ้านและครอบครัวเพื่อมาทำงานตรงนี้ จึงเกิดความเครียด รวมถึงความกดดันเพื่อให้งานไปสู่ความสำเร็จ จึงอยากให้ประชาชนได้เข้าใจ

อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการเพิ่มเติมให้ชุดแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่เข้ามาตรวจเช็กความพร้อมสภาพจิตใจ ความรู้สึก หรือด้านจิตแพทย์ ของกำลังพลในหน่วย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสันทนาการให้กับกำลังพลเพื่อให้เกิดความสบายใจ ส่วนเรื่องระเบียบวินัยก็ต้องดูแลให้อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะที่ควร นอกจากนี้ตนยังต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น