ทหารเกษียณร้อง “นายกฯ ตู่” เหตุออกราชการ รับเบี้ยหวัด ต่อมาเข้ารับราชการใน อปท. กลับโดนกรมบัญชีการสั่งงดจ่าย พร้อมเรียกเงินคืน ย้อนช่วงนั้นไม่มีบทบัญญัติ พร้อมคืนเงินแต่ต้องนับอายุราชการต่อกับช่วงที่เป็นทหาร
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน (ชั่วคราว) ฝั่งสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พ.อ.อ.อนันต์ คำสัตย์ ตัวแทนข้าราชการทหารผู้ได้รับความเดือดร้อน พร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชนฯ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีการงดจ่ายเงินบำนาญ และเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พร้อมมีการเรียกเก็บเงินเบี้ยหวัด บำนาญ เงินบำเหน็จดำรงชีพ และเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเกินส่งคืนคลัง
โดยกลุ่มข้าราชการที่ได้รับความเดือดร้อน อดีตเคยรับราชการทหารและได้ลาออกจากราชการ เพื่อรับเบี้ยหวัด บำนาญ ต่อมาได้เข้ามารับราชการใหม่ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้รับเงินบำเหน็จ บำนาญ พร้อมเงินเดือนใหม่ แต่ต่อมากรมบัญชีกลางได้มีหนังสือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปสำรวจข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในสังกัดรับเบี้ยหวัด บำนาญ และได้สั่งงดจ่ายเบี้ยหวัด บำนาญ พร้อมทั้งยังเรียกเก็บเบี้ยหวัด บำนาญตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2543 คืนคลัง
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรม 1. ในช่วงที่มีการกลับเข้าไปรับราชการใหม่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่มีบทบัญญัติตามกฎหมายบังคับใช้ เรื่องสิทธิการได้รับบำเหน็จ บำนาญ ดั้งนั้น จึงต้องมีสิทธิได้รับบำเหน็จ บำนาญจากกรมบัญชีกลางต่อไป 2. ในกรณีที่กฎหมายหรือระเบียบกำหนดให้ต้องคืนเงินที่ได้รับเกินสิทธิ การได้รับทรัพย์สินดังกล่าวเข้าลักษณะลาภมิควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 และ 414 หรือไม่ อย่างไร และ 3. หากพิจารณาแล้ว ยังต้องส่งเงินคืนคลัง ก็พร้อมจะส่งคืน แต่ขอรับสิทธิการนับอายุราชการต่อเนื่องในช่วงการรับราชการทหาร รวมกับอายุราชการในปัจจุบัน เพื่อใช้ในการคำนวณอายุราชการเมื่อเกษียณ
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน (ชั่วคราว) ฝั่งสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พ.อ.อ.อนันต์ คำสัตย์ ตัวแทนข้าราชการทหารผู้ได้รับความเดือดร้อน พร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชนฯ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีการงดจ่ายเงินบำนาญ และเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พร้อมมีการเรียกเก็บเงินเบี้ยหวัด บำนาญ เงินบำเหน็จดำรงชีพ และเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเกินส่งคืนคลัง
โดยกลุ่มข้าราชการที่ได้รับความเดือดร้อน อดีตเคยรับราชการทหารและได้ลาออกจากราชการ เพื่อรับเบี้ยหวัด บำนาญ ต่อมาได้เข้ามารับราชการใหม่ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้รับเงินบำเหน็จ บำนาญ พร้อมเงินเดือนใหม่ แต่ต่อมากรมบัญชีกลางได้มีหนังสือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปสำรวจข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในสังกัดรับเบี้ยหวัด บำนาญ และได้สั่งงดจ่ายเบี้ยหวัด บำนาญ พร้อมทั้งยังเรียกเก็บเบี้ยหวัด บำนาญตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2543 คืนคลัง
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรม 1. ในช่วงที่มีการกลับเข้าไปรับราชการใหม่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่มีบทบัญญัติตามกฎหมายบังคับใช้ เรื่องสิทธิการได้รับบำเหน็จ บำนาญ ดั้งนั้น จึงต้องมีสิทธิได้รับบำเหน็จ บำนาญจากกรมบัญชีกลางต่อไป 2. ในกรณีที่กฎหมายหรือระเบียบกำหนดให้ต้องคืนเงินที่ได้รับเกินสิทธิ การได้รับทรัพย์สินดังกล่าวเข้าลักษณะลาภมิควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 และ 414 หรือไม่ อย่างไร และ 3. หากพิจารณาแล้ว ยังต้องส่งเงินคืนคลัง ก็พร้อมจะส่งคืน แต่ขอรับสิทธิการนับอายุราชการต่อเนื่องในช่วงการรับราชการทหาร รวมกับอายุราชการในปัจจุบัน เพื่อใช้ในการคำนวณอายุราชการเมื่อเกษียณ