รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยจันทร์นี้ นายกฯ เรียกประชุมยุทธศาสตร์บูรณาการ ขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรียกมูลนิธิปิดทองหลังพระ มูลนิธิรากแก้ว คณะกรรมการพิเศษโครงการพระราชดำริร่วมหารือ
วันนี้ (11 ต.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการประชุมหารือร่วมกับคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ มูลนิธิรากแก้ว ตลอดจน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 คน
โดยนโยบายของรัฐบาลได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ได้เน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นความพอดี พอสมควรแก่ฐานะ ความมีเหตุมีผล และความพอประมาณ ตลอดจนการมีภูมิคุ้มกันบนพื้นฐานของความรู้คู่คุณธรรม อีกทั้งยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ ความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ตามแนวพระราชดำริไปดำเนินการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป เนื่องจากมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาชนบทตามแนวพระราชดำริ ร่วมกับหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ และชุมชนในหลายพื้นที่ ตลอดจนมีการศึกษาวิจัยกระบวนการพัฒนาชนบท ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่มีความเหมาะสม โดยรัฐบาลจะนำสิ่งที่ได้จากการหารือ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวในช่วงระหว่างปี 2557-2560
สำหรับแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นแผนระยะ 4 ปี ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำขึ้น เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้สามารถบรรลุเป้าหมาย และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ซึ่ง 1 ใน 7 ยุทธศาสตร์ของการพัฒนาประเทศ จะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบท ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 18,594 หมู่บ้านหรือประมาณ 25% ของหมู่บ้านทั้งหมด ใน 4 กลุ่ม คือ พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6 แห่ง หมู่บ้านนำร่องของมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ หมู่บ้านนำร่องในโครงการบูรณาการจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและโครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแบบ ABC (Area Based Collaborative Research) หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงของกรมการพัฒนาชุมชนและหมู่บ้านที่รับประโยชน์จากโครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการขับเคลื่อน การพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษา ธุรกิจ ต่างประเทศ ประชาสัมพันธ์ ความมั่นคง และการบริหารจัดการ ซึ่งใช้งบประมาณ จำนวน 8,700 ล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2553 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศตามแนวพระราชดำริให้เป็นแนวทางหลักของชาติ ต่อมา มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ได้ร่วมกับหน่วยราชการต่างๆ สรุปแนวทางการดำเนินงานแบบปิดทองหลังพระฯ และได้พัฒนาขึ้นเป็นแนวทางการปฏิบัติงานรูปแบบใหม่ เรียกว่า แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บรรจุแนวทางนี้ไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อปี 2554 ซึ่งในปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทยได้นำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และขณะนี้ มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ 5 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดน่าน อุดรธานี เพชรบุรี อุทัยธานี และ กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำล่าสุด โดยมีกองทัพบกร่วมดำเนินการอยู่ด้วย