xs
xsm
sm
md
lg

ทนาย "ยิ่งลักษณ์" เสนอ สปช. รื้อ ป.ป.ช. ให้นักการเมืองคานอำนาจได้-ฟ้องกลับได้ไม่มีอายุความ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ สมาชิก สปช. ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทนายความ "ยิ่งลักษณ์" รายงานตัว สปช. แล้ว อ้างไม่ได้เป็นบริกรคดีจำนำข้าวให้ตั้งแต่เมษายนแล้ว เสนอแนะรื้อ ป.ป.ช. ให้นักการเมืองคานอำนาจได้ ใช้เสียงในสภา 1 ใน 10 ก่อนส่งศาลฎีกา ปัดกล่าวหากลั่นแกล้งลูกความ ย้อนเกล็ดคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ แก้กฎหมายให้นักการเมืองฟ้อง ป.ป.ช. ได้โดยไม่มีอายุความเหมือนกัน จะได้พิสูจน์ตัวเอง เย้ยไม่ต้องวิตก จะได้พิสูจน์ว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใคร

วันนี้ (11 ต.ค.) ที่อาคารรัฐสภา นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาในนามขององค์กรทนายความอิสระ โดยมีความตั้งใจและวางแนวทางการทำงานว่าจะปฏิรูปองค์กรอิสระเพื่อให้เกิดการคานอำนาจจะได้เป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจ ในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนพยานของหน่วยงานองค์กรกลาง ควรต้องมีการบันทึกภาพ เสียง ในทุกปาก เพื่อนำส่งศาล ได้ทราบว่าพยานมีความสมัครใจหรือให้การเพราะถูกดำเนินการด้วยวิธีใดหรือไม่ ดังนั้นการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องจะต้องได้รับความเชื่อถือจากประชาชน

นายบัญชา กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีการไต่สวนพยานเหมือนกันนั้น ตนอยากฝากด้วยว่า ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานที่มีผลในการปราบปรามทุจริตแห่งชาตินี้ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใส ให้ความเป็นธรรม ก่อนหน้านี้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะขอให้กรรมการ ป.ป.ช. อนุกรรมการ และเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต้องถูกดำเนินคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตนน้อมรับในเรื่องนี้ และตนให้ความเคารพต่อ ป.ป.ช. ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงว่าการจะไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ต้องไปให้ถึง โดยผู้เสียหายที่ถูกกล่าวหาและระบุว่า ป.ป.ช. ไม่ให้ความเป็นธรรมก็ให้มีอำนาจในการยื่นต่อรัฐสภา เพื่อให้ ส.ส. และ ส.ว. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าถูก ป.ป.ช. กลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร และถ้าคณะกรรมการไต่สวนสอบแล้วพบว่าเป็นความจริงก็ให้รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนแค่ 1 ใน 10 ก่อนที่จะส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์จากการทำหน้าที่เป็นทนายความผู้ได้รับอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ที่ ป.ป.ช. ได้มีการไต่สวนนั้น นายบัญชา กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำหน้าที่ทนายความในคดีดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ตนไม่ได้ลาออก แต่เนื่องจากไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ใดจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ได้รับผิดชอบใด ๆ ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหา ป.ป.ช. ว่าไปกลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด เพียงต้องการให้กระบวนการพิจารณาความนั้นมีความโปร่งใส หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ผิดก็ต้องน้อมรับ แต่ถ้าถูก ป.ป.ช. ใส่ร้ายก็น่าจะให้ความเป็นธรรมต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตามการทำหน้าที่ สปช. ในครั้งนี้ตนจะใช้ความรู้ความสามารถและความซื่อสัตย์ทำงานอย่างดีที่สุด เพื่อให้ สปช. ทำงานสำเร็จบรรลุผล

นอกจากนี้ นายบัญชา ยังกล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ได้มีการยื่นสำนวนการถอดถอนนักการเมืองต่อ สนช. โดยเห็นว่า ตนอยากฝากไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ถ้าจะมีการไต่สวนในคดีทุจริตใดๆ ก็ตาม ขอให้ทาง ป.ป.ช. คำนึงถึงความยุติธรรม เพื่อที่ให้ผู้ถูกกล่าวหารับได้ และเมื่อตนเข้าไปทำงานแล้ว ก็จะเสนอเรื่องนี้เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจ ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนข้อเสนอที่จะให้คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เนื่องจากว่ากระบวนการการกล่าวหาและการดำเนินการทางคดีต้องใช้เวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย

ดังนั้น ตนจะขอให้มีการแก้กฎหมายให้ผู้เสียหายฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ โดยไม่มีอายุความเช่นเดียวกัน เพราะถ้า ป.ป.ช.ไม่มีความผิดแล้ว ก็สามารถตอบสังคมได้ เพราะศาลคุ้มครองคนที่มีความสุจริต ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่มีบางฝ่ายระบุให้ยุบ ป.ป.ช. นั้น ตนเห็นว่า ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยุบ ป.ป.ช. นั้นเป็นเพราะเหตุใดก็ต้องดูด้วย เพราะทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีเสียงวิจารณ์เช่นนั้น แต่ตนไม่อยากให้ยุบ ป.ป.ช. เพราะชื่อก็ดี ของเขาดีและตนเคารพในการทำหน้าที่ แต่ตนขอให้ทาง ป.ป.ช. แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมในการพิสูจน์ตัวเอง เพราะถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ผิด ศาลก็ยกฟ้อง ดังนั้น ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ควรที่ยุบ ป.ป.ช. แต่ควรได้รับการปฏิรูป เพราะการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล

“กรรมการ ป.ป.ช. ไม่ควรวิตก เพราะการทำเช่นนี้จะได้พิสูจน์ความจริงให้ปรากฏว่า ป.ป.ช. ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ยังจะถือเป็นการพิสูจน์การทำงานของ ป.ป.ช. ได้รับความสง่างาม ต่างชาติมีความเชื่อมั่น ทุกอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม ผมพูดถึงหลักการในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ ป.ป.ช. มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสง่างามและเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แต่อย่างไรก็ตามนอกจาก ป.ป.ช. แล้วยังจะมีองค์กรอิสระอื่นๆ ที่ต้องได้รับการปฏิรูปอีกหรือไม่นั้น ผมขอให้มีการประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของ สปช. ก่อน ที่ผมพูดถึง ป.ป.ช. ก็พูดตามหลักการไม่ได้กล่าวหา“ นายบัญชา กล่าว

เมื่อถามมีชื่อประธาน สปช. อยู่ในใจแล้วหรือไม่ นายบัญชา กล่าวว่า ตนได้พิจารณาแล้วมีชื่ออยู่ในใจ แต่ขอไม่เอ่ย ซึ่งคนที่จะเป็นประธาน สปช. นั้นต้องมีองค์ประกอบหลายๆ ด้าน ชื่อแต่ละคนที่สื่อนำเสนอนั้นต่างมีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น