“ปานเทพ” โต้ทนายเพื่อไทย ยันไม่เร่งถอดถอน “ปู” ย้ำสำนวนถอดถอนคนละอย่างกับคดีอาญา

ประธาน ป.ป.ช.โต้ทีมทนายเพื่อไทย ยันไม่เร่งส่งสำนวนคดีถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” ให้ สนช.ทำตามขั้นตอน ซัดสำนวนถอดถอนคนละสำนวนกับคดีอาญา ยืนยันระบุความผิดชัดเจน ไม่ใช้เทคนิคทางกฎหมายเล่นงาน คาดต้นสัปดาห์หน้าลงนามคำสั่งให้ สนช.ได้ ด้านเลขาฯ ป.ป.ช.เผย 7 พ.ย.ถกคณะทำงานร่วม เหตุ อสส. ขอพยานเพิ่ม

วันนี้ (11 ต.ค.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุ ป.ป.ช.เร่งรีบรวบรัดส่งสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาถอดถอนว่า ป.ป.ช.ไม่ได้เร่งรีบรวบรัดส่งสำนวนดังกล่าวให้ สนช.ทุกอย่างทำตามขั้นตอน กรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ป.ป.ช.พิจารณาลงมติเสร็จไปนานแล้ว แต่ไม่สามารถส่งให้วุฒิสภาในขณะนั้น ดำเนินการได้ เนื่องจากมีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ยุบวุฒิสภา ทำให้ ป.ป.ช.ต้องรอความชัดเจนด้านข้อกฎหมายเรื่องอำนาจหน้าที่ของ สนช.ก่อน จึงส่งให้ สนช.พิจารณาต่อได้ ส่วนที่ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งข้อสังเกตว่าอัยการสูงสุดยังมีข้อโต้แย้งในสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่เหตุใด ป.ป.ช.จึงรีบส่งเรื่องให้ สนช.ดำเนินการนั้นขอชี้แจงว่า สำนวนที่ ป.ป.ช.ส่งให้ สนช.พิจารณาเป็นคดีถอดถอน เป็นคนละสำนวนกับคดีอาญาที่อัยการสูงสุดยังมีข้อโต้แย้งอยู่ สำนวนทั้งสองคดีแยกออกจากกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมทนายความพรรคเพื่อไทยระบุว่า มติล่าสุดของ ป.ป.ช.ที่ส่งสำนวนให้ สนช.ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีการพูดถึงการกระทำความผิดตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญปี 50 โดยอ้างความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ เพียงอย่างเดียว ทั้งที่มติของ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ชี้มูลความผิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญปี 50 นายปานเทพตอบว่า มติของ ป.ป.ช.ที่จะส่งให้ สนช.พิจารณาถอดถอนครั้งนี้ ยืนยันว่า มีการระบุความผิดอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องความผิดตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ และความผิดตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีการตัดฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 ทิ้ง จึงไม่ใช่การใช้เทคนิคทางกฎหมายมาเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ คาดว่าประมาณต้นสัปดาห์หน้าจะลงนามในคำสั่งส่งสำนวนถอดถอนดังกล่าวให้ สนช.ได้ จากนั้นภายในอีก 1-2 วันก็จะส่งสำนวนไปยัง สนช.ต่อไป

ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.กล่าวว่า กรณีที่คณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด (อสส.) กรณีการฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ในวันที่ 7 พ.ย.นี้จะต้องหารือกันในกรอบการทำงานเดิม เพราะยังไม่ได้ข้อยุติ ยังต้องคุยกันอีกส่วน เรื่องการที่ อสส.ขอเพิ่มพยานนั้นก็ยังไม่ได้ข้อยุติ เช่น ป.ป.ช.ทำสำนวนไปมีพยาน 3 รายพร้อมเอกสาร แต่ อสส.บอกว่าพยาน 3 รายนั้นยังไม่พอขอเพิ่มอีก 4 ราย เป็น 7 ราย ซึ่งเราก็ต้องมาคุยกันในเรื่องนี้ก่อน เพราะเขาเห็นว่าเรายังสอบคนเก่าไม่ครบก็ให้สอบเพิ่มและยังอยากให้สอบเพิ่มอีก 4 ราย ที่สำนวนยังไม่มีตรงนี้ก็ต้องมาคุยกันอีกว่าที่ขอมานี้จะให้หรือไม่ให้อย่างไร เพราะเดิมที่ผู้ถูกกล่าวหาขอเพิ่มพยานมา 8 รายนั้น ป.ป.ช.ก็ได้พิจารณาแล้วตัดไป ดังนั้นเมื่อ อสส.มาขอให้เพิ่มอย่างนี้ก็ต้องคุยกันก่อนและต้องพิจารณาว่าจะเป็นการเสียเวลาหรือไม่หากอะไรคุยกันและยอมกันได้ก็ต้องยอม จะได้ทำงานร่วมกันต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องการเพิ่มพยานยังไม่มีการลงมติใดๆ จึงต้องมาคุยกันในวันที่ 7 พ.ย.อีกครั้งหนึ่ง ว่าอะไรได้หรือไม่ได้