xs
xsm
sm
md
lg

“กรณ์” ห่วง 2 หัวใจหลัก ศก.ติดลบ เร่งเบิกจ่ายไม่ใช้วิธีกระตุ้น จี้เร่งหนุนเกษตรกร-ภาคอุตฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรณ์ จาติกวนิช (แฟ้มภาพ)
“กรณ์” ห่วง 2 หัวใจหลักเศรษฐกิจไทยหลังตัวเลขติดลบ ติงมาตรการเร่งเบิกจ่ายงบฯ กระตุ้นให้คึกคักไม่ได้ แนะมาตรการระยะสั้นต้องเร่งหนุนเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรมในเห็นผลใน 1 ปี ระบุนโยบายแจกเงินชาวนา ไม่ต่างเช็คช่วยชาติของรัฐบาลอภิสิทธิ์ แขวะ “ประยุทธ์” อย่าอ้างไม่ใช่ประชานิยม

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง กล่าวถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบรัฐบาลว่าเป็นเรื่องจำเป็น และหากสำเร็จก็คงจะช่วยอยู่บ้าง แต่หัวใจของเศรษฐกิจไทยคือการบริโภคภาคประชาชนบวกกับการค้าระหว่างประเทศ ทั้งสองหมวดยังน่าเป็นห่วงมาก กำลังซื้อและการจับจ่ายของประชาชนเทียบกับปีที่แล้วยังติดลบอยู่ ส่วนการส่งออกแทบจะไม่มีการขยายตัวเลย การลงทุนโดยภาคเอกชนก็ลดลง สืบเนื่องจากการใช้กำลังการผลิตยังตํ่ามากที่ประมาณร้อยละ 60 จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติม ดังนั้นหากรัฐเบิกจ่ายได้จริงก็คงส่งผลบ้างแต่ไม่ถึงกับกระตุ้นให้เศรษฐกิจคึกคักได้

“ส่วนตัวนั้นผมคิดว่าใน 1 ปี หากรัฐบาลทำได้ตามที่นำเสนอก็โอเคแล้ว แต่ที่อยากให้รัฐบาลทำมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นคือ การปรับเปลี่ยนในระดับโครงสร้าง ที่มีผลต่ออนาคต อย่างเช่นทางการเกษตรในเรื่องของการบริหารแหล่งนํ้า และวิธีการใช้นํ้า รวมถึงทำอย่างไรให้เกษตรกรปลูกพืชที่เหมาะสมตามสภาพของพื้นที่ เป็นต้น หรือในภาคอุตสาหกรรม นักลงทุนข้ามชาติอยากใช้ไทยเป็นฐานการผลิตให้กับอาเซียน จึงอยากเห็นการเชื่อมโยงทางการขนส่งที่ชัดเจนขึ้น หรือในภาคการศึกษาที่เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งจะมีผลอย่างมากกับอนาคตลูกหลานและเศรษฐกิจของไทย

ดังนั้น ในขั้นต่อไปรัฐบาลควรลำดับความสำคัญให้เห็นว่าในหนึ่งปีข้างหน้านั้น รัฐจะปูพื้นในเรื่องใดบ้างที่จะมีผลในระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศ เมื่อเราเห็นทิศทางสู่อนาคตที่ชัดเจนต่อเมื่อเศรษฐกิจจะฝืดเคืองไปอีกระยะหนึ่ง ผมเชื่อว่าเราก็ทนได้”

นายกรณ์ยังกล่าวว่าทุกนโยบายรัฐบาลมีทั้งข้อดีข้อเสีย ส่วนนโยบายแจกเงินให้ชาวนาวัดโดยขนาดพื้นที่นา ปัญหาปัจจุบันคือราคาพืชผลตํ่า ชาวนาไม่มีพอจะกิน รัฐบาลจึงหาวิธีบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวนา และวิธีที่รัฐบาลเลือกนั้นตรงไปตรงมาที่สุด คือ แจกเงินสดไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด 15 ไร่ หรือ 15,000 บาท ใช้เงิน 40,000 ล้านบาท หากคำนวณจากราคาข้าวปัจจุบันชาวนามีกำไรเพียงประมาณไร่ละ1,000 บาท

ดังนั้น นโยบายนี้มีผลในการเพิ่มกำไรต่อไร่ให้ชาวนาถึงเท่าตัว หลักคิดจึงไม่ต่างจาก เช็คช่วยชาติในสมัยวิกฤตเศรษฐกิจปี 2552 ที่ให้ 2,000 บาทแก่ผู้มีรายได้ตํ่ากว่า 15,000 ต่อเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและกระตุ้นการบริโภค และคล้ายกองทุน SML ของรัฐบาลพลังประชาชนที่มีเจตนาเป็นทุนให้หมู่บ้านไปทำโครงการที่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม มีข้อด้อยในทางปฏิบัติคือตามข้อเท็จจริงมีชาวนายากจนที่ไม่มีที่ทำกินของตนเองเกือบ 800,000 ครอบครัว จะรับเงินช่วยเหลือได้หรือไม่ และจะมีเกณฑ์รับอย่างไร และจะช่วยเหลืออย่างยั่งยืนอย่างไรต่อไป

“ส่วนที่อ้างว่าแบบนี้ไม่ใช่ประชานิยม แต่ถ้าเป็นนักการเมืองทำเหมือนกันถือว่าใช่ ท่านคงเข้าใจแล้วว่าอะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ ประเทศไม่เสียหายก็ต้องทำ อย่ามาว่ากันเลย”


กำลังโหลดความคิดเห็น