**ระหว่างรอการประกาศแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 อย่างเป็นทางการ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า รวมไปถึงระหว่างรอคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล "ประยุทธ์1" ในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ถัดไป ก็มาพิจารณาเรื่องอื่นๆเพื่อคั่นเวลาไปก่อน โดยเฉพาะความนิยม และความเชื่อมั่นต่อตัว "หัวหน้าทีมประเทศไทย" คนใหม่ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นแหละ
แม้ว่านาทีนี้ไม่ว่าสำรวจโดยสำนักไหนล้วนออกมาตรงกันเป็น"เอกฉันท์" ได้คะแนนสนับสนุนแบบถล่มทลาย เป็นธรรมเนียม เมื่อครบ 1-2-3 เดือน ก็ต้องมีการสำรวจความนิยม สำรวจความเชื่อมั่นออกมา ล่าสุดเป็นผลสำรวจในช่วงที่ คสช. ภายใต้การนำของเขาบริหารบ้านเมืองมาครบสามเดือนเต็ม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ผลออกมาก็ยังเป็นแบบเดิม นั่นคือ เป็นบวก ทำคะแนนได้ดีสอบผ่านได้คะแนนเกินครึ่งมาค่อนข้างมาก
ชาวบ้านส่วนใหญ่มองว่า สามารถเข้ามารักษาความสงบ จัดการปัญหาได้อย่างเด็ดขาด หลายเรื่องประจักษ์เป็นรูปธรรม แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม ก่อนที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ ขณะเดียวกันในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ มีการใช้กฎหมายพิเศษบังคับให้งดแสดงความคิดเห็น งดการเคลื่อนไหวมาตลอด ประกอบกับชาวบ้านยังรอการปฏิรูปบ้านเมืองทุกภาคส่วน เพื่อหวังว่าในอนาคตข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มีความโปร่งใส และเป็นธรรม ชาวบ้านจึงให้ความร่วมมือ ทนกัดฟันรอ
** อย่างไรก็ดีในช่วงหลังๆก่อนที่จะครบ 3 เดือน ก็เริ่มมีเสียงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มได้เห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างเข้ามา โดยเฉพาะเริ่มเห็นชัดเจนแล้วว่า คสช.ไม่ได้แตะต้องกับ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย เพราะที่ผ่านมาถือว่า ทักษิณ ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้ทันที เช่น การเพิกถอนหนังสือเดินทาง การถอดยศ ซึ่งตามขั้นตอนสามารถทำได้ทันที แต่ก็ยังเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่ยังไม่นับเอาเรื่องข่าวความเคลื่อนไหวที่ปล่อยออกมาว่าจะมีการนิรโทษกรรมแบบ"ยกเข่ง"ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กันขรม ยังดีที่มีการปฏิเสธออกมทันควัน ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ทำให้มีการเชื่อมโยงปะติดปะต่อกันจากการที่ไม่มีการแตะต้อง ทักษิณ ดังกล่าวนั่นแหละ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกวิจารณ์ในทางลบมีเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือยังไม่เห็นแนวโน้มในการปฏิรูปพลังงานออกมาตามแนวทางที่คนส่วนใหญ่ต้องการ เริ่มตั้งแต่การตั้ง ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามาเป็นบอร์ด ปตท. เหมือนกับล็อกให้มาเป็นประธานบอร์ดในที่สุด และล่าสุดก็มีการประกาศรายชื่อคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ในด้านพลังงาน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของกลุ่มทุนด้านพลังงานเข้ามาเกือบทั้งสิ้น รวมไปถึงยังยึดโยงผลประโยชน์กับ ปตท.เสียอีก และที่ผ่านมาถูกมองว่า มีการปิดกั้นข้อมูลจากภาคประชาชน ไม่ให้มีการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง โดยเป็นฟังข้อมูลจากฝ่าย ปตท.เพียงด้านเดียว
** ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ทางรวมการเฉพาะกิจ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการเปิดโอกาสให้กับทางฝ่าย ปตท. ที่นำโดย ปิยสวัสดิ์ ออกมาชี้แจงในแบบโฆษณาชวนเชื่อเพียงฝ่ายเดียว
**สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกกล่าวหาว่า "ฮั้ว" กันกับกลุ่มทุนพลังงาน เหมือนกับการ "สวมตอ" ต่อยอดจากระบอบทักษิณก็ไม่ผิด
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนถูกจำกัด ทั้งในลักษณะการขอร้องในเชิงข่มขู่ จากกรณีการแถลงของ วีระ สมความคิด รวมไปถึงไม่รับฟังเสียงคัดค้านการแยกกิจการท่อก๊าซออกมาให้ปตท.ดำเนินการ และล่าสุดพยายามขัดขวางไม่ให้เครือข่ายภาคประชนรณรงค์เคลื่อนไหวปฏิรูปพลังงาน มีการห้ามปรามไม่ให้มีการเดินรณรงค์ในภาคใต้ขึ้นมากรุงเทพฯ
เป็นปรากฏการณ์ที่ชาวบ้านเริ่มผิดหวัง และมีเสียงวิจารณ์ในทางลบมากขึ้น เมื่อย่างเข้าเดือนที่สามของ คสช. ซึ่งก็พิสูจน์ได้จากสำรวจต่างๆ ที่ออกมา แม้จะยังสนับสนุนค่อนข้างท่วมท้น แต่หากสังเกตให้ดีจะเริ่มเห็นร่องรอยความไม่พอใจเกิดขึ้นให้เห็นบ้างแล้ว
ล่าสุดผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ที่แม้ออกมาว่าสอบผ่าน แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบเป็นรายเดือนนั่นคือ เดือนแรกได้คะแนน 8.82 จากคะแนนเต็ม 10 เดือนที่สองเพิ่มขึ้นเป็น 8.87 แต่เมื่อครบสามเดือนได้ 8.80 ลดลง .07 แม้ว่าจะยังวัดอะไรไม่ได้มาก แต่ก็เห็นร่องรอยไม่ดีบ้างแล้ว
ประกอบกับธรรมชาติของคนไทยที่กล่าวกันว่ารักง่ายหน่ายเร็ว และสามเดือนก็ถือว่าเป็นช่วงฮันนีมูน ดังนั้นนับจากนี้หากยังไม่อาจสร้างผลการยอมรับให้เห็นได้ชัดเจน ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน หากมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีแล้วมีเสียง"ยี้"ดังออกมา หรือออกมาในลักษณะแบบ "พี่ๆน้องๆ"เข้ามาเป็นแผง ไม่เหมาะกับงาน ความศรัทธาก็จะมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น หากเป็นแบบนั้นจริงก็จะกลายเป็นเงื่อนไขเข้าทางฝ่ายต่อต้านที่ซุ่มอยู่ออกมาผสมโรงทันที
**ที่ผ่านมาอาจยังจุดไม่ติด เพราะกระแสฟีเวอร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังพุ่งพรวด แต่ถ้าขาขึ้นเริ่มนิ่ง หรือเคลื่อนไหวช้าลง มันก็น่าหวาดเสียว เพราะต้องไม่ลืมว่า คสช. นั้นมีเงื่อนไขมากมาย อยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ถดถอย ต่อให้มีอำนาจมากกว่านี้อีกร้อยเท่าก็ทัดทานพลังประชาชนไม่ได้หรอก !!
แม้ว่านาทีนี้ไม่ว่าสำรวจโดยสำนักไหนล้วนออกมาตรงกันเป็น"เอกฉันท์" ได้คะแนนสนับสนุนแบบถล่มทลาย เป็นธรรมเนียม เมื่อครบ 1-2-3 เดือน ก็ต้องมีการสำรวจความนิยม สำรวจความเชื่อมั่นออกมา ล่าสุดเป็นผลสำรวจในช่วงที่ คสช. ภายใต้การนำของเขาบริหารบ้านเมืองมาครบสามเดือนเต็ม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ผลออกมาก็ยังเป็นแบบเดิม นั่นคือ เป็นบวก ทำคะแนนได้ดีสอบผ่านได้คะแนนเกินครึ่งมาค่อนข้างมาก
ชาวบ้านส่วนใหญ่มองว่า สามารถเข้ามารักษาความสงบ จัดการปัญหาได้อย่างเด็ดขาด หลายเรื่องประจักษ์เป็นรูปธรรม แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม ก่อนที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ ขณะเดียวกันในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ มีการใช้กฎหมายพิเศษบังคับให้งดแสดงความคิดเห็น งดการเคลื่อนไหวมาตลอด ประกอบกับชาวบ้านยังรอการปฏิรูปบ้านเมืองทุกภาคส่วน เพื่อหวังว่าในอนาคตข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มีความโปร่งใส และเป็นธรรม ชาวบ้านจึงให้ความร่วมมือ ทนกัดฟันรอ
** อย่างไรก็ดีในช่วงหลังๆก่อนที่จะครบ 3 เดือน ก็เริ่มมีเสียงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มได้เห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างเข้ามา โดยเฉพาะเริ่มเห็นชัดเจนแล้วว่า คสช.ไม่ได้แตะต้องกับ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย เพราะที่ผ่านมาถือว่า ทักษิณ ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้ทันที เช่น การเพิกถอนหนังสือเดินทาง การถอดยศ ซึ่งตามขั้นตอนสามารถทำได้ทันที แต่ก็ยังเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่ยังไม่นับเอาเรื่องข่าวความเคลื่อนไหวที่ปล่อยออกมาว่าจะมีการนิรโทษกรรมแบบ"ยกเข่ง"ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กันขรม ยังดีที่มีการปฏิเสธออกมทันควัน ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ทำให้มีการเชื่อมโยงปะติดปะต่อกันจากการที่ไม่มีการแตะต้อง ทักษิณ ดังกล่าวนั่นแหละ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกวิจารณ์ในทางลบมีเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือยังไม่เห็นแนวโน้มในการปฏิรูปพลังงานออกมาตามแนวทางที่คนส่วนใหญ่ต้องการ เริ่มตั้งแต่การตั้ง ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามาเป็นบอร์ด ปตท. เหมือนกับล็อกให้มาเป็นประธานบอร์ดในที่สุด และล่าสุดก็มีการประกาศรายชื่อคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ในด้านพลังงาน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของกลุ่มทุนด้านพลังงานเข้ามาเกือบทั้งสิ้น รวมไปถึงยังยึดโยงผลประโยชน์กับ ปตท.เสียอีก และที่ผ่านมาถูกมองว่า มีการปิดกั้นข้อมูลจากภาคประชาชน ไม่ให้มีการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง โดยเป็นฟังข้อมูลจากฝ่าย ปตท.เพียงด้านเดียว
** ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ทางรวมการเฉพาะกิจ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการเปิดโอกาสให้กับทางฝ่าย ปตท. ที่นำโดย ปิยสวัสดิ์ ออกมาชี้แจงในแบบโฆษณาชวนเชื่อเพียงฝ่ายเดียว
**สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกกล่าวหาว่า "ฮั้ว" กันกับกลุ่มทุนพลังงาน เหมือนกับการ "สวมตอ" ต่อยอดจากระบอบทักษิณก็ไม่ผิด
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนถูกจำกัด ทั้งในลักษณะการขอร้องในเชิงข่มขู่ จากกรณีการแถลงของ วีระ สมความคิด รวมไปถึงไม่รับฟังเสียงคัดค้านการแยกกิจการท่อก๊าซออกมาให้ปตท.ดำเนินการ และล่าสุดพยายามขัดขวางไม่ให้เครือข่ายภาคประชนรณรงค์เคลื่อนไหวปฏิรูปพลังงาน มีการห้ามปรามไม่ให้มีการเดินรณรงค์ในภาคใต้ขึ้นมากรุงเทพฯ
เป็นปรากฏการณ์ที่ชาวบ้านเริ่มผิดหวัง และมีเสียงวิจารณ์ในทางลบมากขึ้น เมื่อย่างเข้าเดือนที่สามของ คสช. ซึ่งก็พิสูจน์ได้จากสำรวจต่างๆ ที่ออกมา แม้จะยังสนับสนุนค่อนข้างท่วมท้น แต่หากสังเกตให้ดีจะเริ่มเห็นร่องรอยความไม่พอใจเกิดขึ้นให้เห็นบ้างแล้ว
ล่าสุดผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ที่แม้ออกมาว่าสอบผ่าน แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบเป็นรายเดือนนั่นคือ เดือนแรกได้คะแนน 8.82 จากคะแนนเต็ม 10 เดือนที่สองเพิ่มขึ้นเป็น 8.87 แต่เมื่อครบสามเดือนได้ 8.80 ลดลง .07 แม้ว่าจะยังวัดอะไรไม่ได้มาก แต่ก็เห็นร่องรอยไม่ดีบ้างแล้ว
ประกอบกับธรรมชาติของคนไทยที่กล่าวกันว่ารักง่ายหน่ายเร็ว และสามเดือนก็ถือว่าเป็นช่วงฮันนีมูน ดังนั้นนับจากนี้หากยังไม่อาจสร้างผลการยอมรับให้เห็นได้ชัดเจน ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน หากมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีแล้วมีเสียง"ยี้"ดังออกมา หรือออกมาในลักษณะแบบ "พี่ๆน้องๆ"เข้ามาเป็นแผง ไม่เหมาะกับงาน ความศรัทธาก็จะมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น หากเป็นแบบนั้นจริงก็จะกลายเป็นเงื่อนไขเข้าทางฝ่ายต่อต้านที่ซุ่มอยู่ออกมาผสมโรงทันที
**ที่ผ่านมาอาจยังจุดไม่ติด เพราะกระแสฟีเวอร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังพุ่งพรวด แต่ถ้าขาขึ้นเริ่มนิ่ง หรือเคลื่อนไหวช้าลง มันก็น่าหวาดเสียว เพราะต้องไม่ลืมว่า คสช. นั้นมีเงื่อนไขมากมาย อยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ถดถอย ต่อให้มีอำนาจมากกว่านี้อีกร้อยเท่าก็ทัดทานพลังประชาชนไม่ได้หรอก !!
