“กัมปนาท” รับตำแหน่ง มทภ.1 เดินหน้าเวทีปรองดอง โยนรัฐชี้เลิกอัยการศึกหรือไม่

แม่ทัพภาค 1 คนใหม่รับตำแหน่ง พร้อมปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล รักษาสมดุลบริหาร-ปรองดอง-ปฏิรูป รับสมานฉันท์ต้องใช้เวลา เดินหน้าจัดเวทีคู่ขนานสภาปฏิรูป โยนรัฐตัดสินเลิกอัยการศึกหรือไม่ อ้าง “อุดมเดช” บอกไม่มีปฏิวัติซ้อนก็ไม่มี

วันนี้ (1 ต.ค.) ที่กองทัพภาคที่ 1 เมื่อเวลา 09.00 น. มีพิธีรับมอบตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ จาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ที่ได้ขยับขึ้นไปเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก มาเป็น พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ โดย พล.ท.กัมปนาทกล่าวระหว่างพิธีรับมอบตำแหน่งว่าจะพยายามปรับปรุงเสริมสร้าง พัฒนากองทัพภาคที่ 1 ให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับ เชื่อถือและศรัทธาของประชาชน รวมทั้งจะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยชีวิต ใครที่มาก้าวล่วงตนยอมไม่ได้และพร้อมที่จะเป็นหลักในการรักษาความมั่นคง ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติตลอดไป

จากนั้น พล.ท.กัมปนาทให้สัมภาษณ์ว่า กองทัพภาคที่ 1 มีหลายบทบาท ทั้งที่เป็นหน่วยขึ้นตรงกับทางกองทัพบก และเป็นกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เพราะฉะนั้นต้องดำเนินการทั้ง 2 ส่วนให้สมดุลกัน และรักษามาตรฐานไว้ให้ได้ คือ เตรียมกำลังพล ให้มีความพร้อมรบสูงสุดตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และการใช้กำลังในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เช่น การป้องกันประเทศและชายแดน การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อยตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องรักษาสมดุล ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้นโยบายไว้

“ท่านพูดเสมอว่าเราต้องรักษาสมดุลให้ได้ ระหว่างการบริหารราชการแผ่นดิน และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการปฏิรูป ทั้ง 3 เรื่อง เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทางหัวหน้า คสช. ได้มอบหมายไว้ก่อนที่ผมจะมารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และผมเคยนั่งอยู่ข้างบนการบริหารสั่งการ เวลานี้มาอยู่ข้างล่างจะต้องเป็นผู้ที่มาขับเคลื่อนงานต่างๆ ตามนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ดังนั้นผมก็ต้องมารับภาระต่อจากท่านแม่ทัพภาคที่ 1 ท่านที่แล้ว เพื่อมาดำเนินการ โดยนโยบายทุกเรื่อง และผมก็รับตรงมาจากผู้บัญชาการทหารบก” พล.อ.กัมปนาทกล่าว

สำหรับงานด้านความปรองดองสมานฉันท์นั้น พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า ต้องใช้เวลา และมีความต่อเนื่อง ขณะนี้ตนต้องมาสานต่อในระดับข้างล่างให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ถ้าสร้างความปรองดองไม่ได้ ทุกอย่างที่เราทำกันก็สูญเปล่า และกลับไปอยู่จุดเดิม ไม่เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราต้องเดินไปข้างหน้า เพื่อสร้างให้คนไทย มีความปรองดองสมานฉันท์กัน การทำงานที่ผ่านมา มีความคืบหน้าที่ไปมาก ตนทำงานปรองดองมา 4 เดือน แล้วปีหน้าก็ยังคงเดินต่อไป สำหรับเวทีปรองดองสมานฉันท์ที่ตนรับผิดชอบก็จะทำคู่ขนานไปกับสภาปฏิรูป ส่วนนักวิชาการที่พยายามออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการเมืองนั้นเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ทางเราเป็นหน่วยปฏิบัติก็ต้องรับนโยบายจากหัวหน้า คสช.และ ผบ.ทบ.นำไปดำเนินการให้คนไทยเกิดความปรองดองสมานฉันท์

เมื่อถามว่าจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่หรือไม่ พล.ท.กัมปนาท ในฐานะ ผบ.กกล.รส.กล่าวว่า ในวันที่ 6 ต.ค. ผบ.ทบ.จะเรียกประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไป เพื่อมอบนโยบาย จากนั้นจะมาประชุม กกล.รส.ที่กองทัพภาคว่าจะดำเนินการไปอย่างไร ซึ่งการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของทางรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาสั่งมา ทางเราพร้อมปฏิบัติ คงเป็นไปตามหลัก 3 ข้อที่บอกไว้ คือ ความสมดุลระหว่างเรื่องความมั่นคง ความปรองดอง และการปฏิรูปเพื่อให้ประเทศเดินไปได้

เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจอย่างไร หลัง ผบ.ทบ.ยืนยันว่าจะป้องกันไม่มีการปฏิวัติซ้อน พล.อ.กัมปนาทกล่าวว่า ตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และทหารอาชีพ เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้น ผบ.ทบ.พูดอย่างไรก็ตามนั้น ยืนยันว่าไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นอน และยึดมั่นในสายการบังคับบัญชาของตนทั้งนายกฯ และผบ.ทบ.