“ประยุทธ์” บินลงทัพภาค 4 อำลาตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อ้างตั้ง สนช. เพิ่มเพื่อให้ครบ 220 คน ตามรัฐธรรมนูญ โวย สปช. จะล็อกกันได้ยังไง ยันมีคุณสมบัติเหมาะสม ไล่อดีต ส.ว.ยโสธร จะไปร้องศาลปกครองก็ไป ลั่นไม่ทบทวน ถามมีกฎหมายข้อไหนเขียนห้าม วปอ. เป็น เผยประสานกัมพูชาส่งตัว “ตั้ง อาชีวะ” แล้วแต่โยนเพื่อนบ้านจะให้หรือไม่
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก เมื่อเวลา 07.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางมาเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังค่ายวชิราวุฒิ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช ในโอกาสอำลาตำแหน่ง ผบ.ทบ. โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และว่าที่ ผบ.ทบ. พล.อ.อัษรา เกิดผล เสนาธิการ ทบ. ร่วมเดินทางไปด้วย พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีอะไรเน้นย้ำเป็นพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ของคำสั่ง กอ.รมน. และรัฐบาล ซึ่งจะฝากให้ผู้บังคับบัญชาคนปัจจุบันและคนต่อไปดูแลให้มีความเข้มข้นมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความจำเป็นในการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่มอีก 28 คน ว่า เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าต้องคัดเลือก สนช. ไม่เกิน 220 คน ก็เพียงแต่บรรจุให้ครบ 220 คนเท่านั้น เพื่อไปทำงาน เพราะมีกฎหมายหลายฉบับที่ยังติดค้างอยู่จำนวนมากก็คงต้องเข้าไปเร่งดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันการทำงานของ สนช. ก็มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการหลายคณะด้วยกันแล้ว ดังนั้น จะได้ไปเพิ่มจำนวนคนที่มีอยู่ทำให้ครบถ้วนในการจัดตั้งอนุกรรมาธิการที่จะได้ไม่ซ้ำซ้อนกันมากนักในการที่จะดำเนินการพิจารณาทางกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร ยังข้องใจการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยเฉพาะในระดับจังหวัดว่ายังมีการล็อกสเปกหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากรายชื่อออกมาก็ไปดู มันจะล็อกกันได้อย่างไรก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้แล้วว่าต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 ตุลาคม ตามกำหนดการที่วางไว้เดิม และรายชื่อทั้งหมดก็ได้ดำเนินการมา 2 ทาง โดยรับสมัครโดย กกต. อยู่แล้ว ฉะนั้น กกต. ก็เป็นผู้ตรวจสอบทางกฎหมายว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ สำหรับบุคคลที่เข้ามาสมัคร อยากที่เรียนไว้แล้วว่าเราก็คัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นไปตามการคัดสรรของคณะกรรมการ ทุกคณะที่ดำเนินการมาตามลำดับโดยตลอด
เมื่อถามว่า ถึงขนาดจะไปร้องที่ศาลปกครองชะลอการพิจารณา สปช. พล.อ.ประยุทธ์ “ก็ไปร้อง ก็เป็นเรื่องของศาลปกครอง ถ้ามีปัญหาตรงไหนก็ไปดำเนินการ หากคิดว่ามันไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมก็ดำเนินการไป ในส่วนเราต้องทำงานไปตามลำดับถ้า สปช. ดำเนินการยังไม่ได้ก็ยังไม่ได้ ก็จบเท่านั้นเอง”
เมื่อถามต่อว่า จะต้องทบทวนรายชื่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทบทวนเรื่องอะไร ก็เป็นเรื่องของศาลปกครอง ศาลว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามศาล
ต่อข้อถามว่า หมายความว่าผ่านกระบวนการพิจารณารายชื่อทั้ง 250 คน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้วยืนยันจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องทำหากไม่ทำจะทำอะไรต่อไป ต้องรอใครที่ไหน ไม่ได้มีอะไรเขียนไว้ว่าต้องรอ รอใครเพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า นายยุทธนา เปิดเผยข้อมูลว่ามีนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ที่มีสายสัมพันธ์กับทหาร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แล้วทำไม นักศึกษา วปอ. เป็นไม่ได้หรอ เขาเขียนไว้ในคุณสมบัติข้อไหนว่าเป็น วปอ. เป็นหลักสูตรอะไรแล้วเป็น สปช. ไม่ได้ มีไหม ไปอ่านกฎหมายดู”
เมื่อถามต่อว่า ใน 250 คน มีนักศึกษา วปอ. อยู่เยอะหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้สนใจตนไม่ได้เอาชื่อวปอ. มาอ่าน ไม่ได้ดู ไม่ทราบ
ต่อข้อถามว่า คนที่ผ่านหลักสูตร วปอ.มีความเหมาะสมเป็นสปช.หรือช่วยชาติได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “มีหรอ ข้อไหนที่เขียนว่า สปช. ต้องเป็น วปอ. หรือว่าไม่เป็น วปอ. ถ้าไม่มีก็อย่ามาถามผมตรงนี้ ถามตรงอื่น”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณี นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจะขอลี้ภัยในกัมพูชา ว่า ก็เป็นเรื่องของตั้ง อาชีวะมาถามตนทำไม ส่วนเรื่องขอตัวกลับมาดำเนินคดี ขณะนี้กำลังประสานกับทางกัมพูชาอยู่ เพราะมีความผิดหลายมาตรา ส่วนตัวมาหรือไม่เมื่อไหร่นั้นก็ต้องอยู่ประเทศกัมพูชา จะได้ตัวกลับมาหรือไม่นั้นต้องไปถามกัมพูชา