ที่ประชุมสภากลาโหมนัดสุดท้ายปีงบประมาณ 2557 รมว.กลาโหมย้ำเน้นงานความมั่นคง ปกป้องสถาบัน แก้ปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ป้องกันภัยธรรมชาติ สร้างความสัมพันธ์ต่างประเทศ เผยให้วางแผนงบประมาณในรอบ 3 เดือน หลังถูกปรับลดงบประมาณ เน้นการเบิกจ่ายสอดคล้อง คสช.ให้เก้าอี้ ผอ.องค์การทหารผ่านศึกแก่เด็ก “เสถียร เพิ่มทองอินทร์” หลังโดน “สุกำพล สุวรรณทัต” เด้งจากพิษโผโยกย้าย
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมครั้งแรกภายหลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และตัวแทนหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมประชุม ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วยแต่อย่างใดเนื่องจากติดภารกิจโดยมอบหมายให้ผู้แทนเข้าร่วมประชุมมาแทน
ต่อมาในเวลา 12.00 น. พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 7/2557 ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมสภากลาโหมครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณ 2557 โดย พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำแนวทางปฏิบัติงาน และให้ความสำคัญงานความมั่นคง พร้อมกันนั้นจะน้อมนำแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติ เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติที่ยั่งยืน รวมทั้งต้องปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มกำลังความสามารถ
อีกทั้งจะสนับสนุนการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ สร้างความเชื่อมั่น และสร้างสภาวะแวดล้อมให้ประชานมีความปลอดภัย และสร้างความปรองดองต่อคนในสร้าง ส่วนการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนต้องดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตามแนวชายแดน โดยจะเน้นการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และอาวุธสงคราม การลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมาย และการหลบหนีเข้าเมือง และแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำการรักษาความมั่นคงภายใน โดยมุ่งเน้นการป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และการป้องกันภัยธรรมชาติ จากการกระทำของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการไปดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อย่างเร่งด่วน โดยจะเน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และขอให้ทุกฝ่ายฟื้นฟูเต็มความสามารถ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการพัฒนาเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมิตรประเทศ และเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
ส่วนการป้องกันประเทศเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพให้มีความพร้อมในการรักษาเอกราช อธิปไตย และพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้ประชาชนศรัทธากองทัพ ในด้านกำลังพลและยุทธโปกรณ์ต้องมีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน เน้นย้ำการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบัน
“สำหรับงบประมาณขอให้ทุกส่วนราชการดำเนินการฝนงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหมปี 2558 โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและยกระดับความพร้อมของกองทัพอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด ตามเป้าหมายของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนด โดยจะต้องโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ทางรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อให้เป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ ฉะนั้นจึงให้ทุกส่วนของกระทรวงกลาโหมจัดทำแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องต่อการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเน้นการวางแผนการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ 1 เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในปลายปีงบประมาณ” พ.อ.คงชีพกล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภากลาโหมได้พิจารณาเห็นชอบให้ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) แทน พล.อ.ชัยวัฒน์ สท้อนดี ที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
เมื่อถามว่า การบริหารงานของกระทรวงกลาโหมจะดำเนินการอย่างไร จากการถูกปรับลดงบประมาณ พ.อ.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรให้นโยบายไปแล้ว โดยแต่ละส่วนราชการต้องไปวางแผนงบประมาณในรอบ 3 เดือน เพื่อให้มีผลต่อการปฏิบัติ และการเบิกจ่ายต้องสอดคล้องกับบนโยบาย คสช. เพราะรัฐบาลปฏิบัติตามแผนงาน คสช.
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมในขณะนั้นออกคำสั่งให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกลาโหม และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยอ้างว่านำความลับเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายไปเปิดเผยทั้งที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ภายหลัง พล.อ.พิณภาษณ์ได้เข้าขอขมา พล.อ.อ.สุกำพล พร้อมดอกไม้ ธูปเทียนเป็นการส่วนตัว
หลังจากนั้น นายวิทยา แก้วภราดรัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.อ.สุกำพล โดยตั้งข้อสังเกตว่าการโยกย้ายนายทหารทั้ง 3 นายเป็นการใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซง และนายทหารที่ รมว.กลาโหมสนับสนุนให้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองและมาจากคำสั่งของสุภาพสตรีคนหนึ่งที่ชื่อว่า “เจ๊ ด.” ใช่หรือไม่ อีกทั้งการที่ พล.อ.พิณภาษณ์เข้าไปขอขมานั้นทำให้จารีตของทหารเสียหาย ปรัชญาของทหารที่ว่า ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นว่ายุคฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2555 ได้มีประกาศแต่งตั้งให้ พล.อ.พิณภาษณ์ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดย พล.อ.พิณภาษณ์มีอายุราชการยาวถึงปี 2559