xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

4 บูรพาพยัคฆ์ ผู้กุมชะตา “ครม.ประยุทธ์1”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เห็นเป็นที่ประจักษ์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “คณะรัฐมนตรี(ครม.)” ของ “ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)

ถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ได้มีการคาดการณ์เอาไว้แต่ต้นสักเท่าไหร่นัก

กระนั้นก็ดี ต้องบอกว่า ครม.ประยุทธ์ 1 ชุดนี้มีความพิเศษที่จำต้องขยายความ เพราะมีความไม่ธรรมดาเกิดขึ้น

ความไม่ธรรมดานั้น ไม่ใช่เพราะเป็น ครม.ที่มีนายทหารและนายตำรวจเข้ามาร่วมเป็นประวัติการณ์ถึง 13 คน รวมทั้งตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติของการสร้างหลักประกันความมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล รวมทั้งเป้าประสงค์ในการผลักดันนโยบายต่างๆ ให้สัมฤทธิผล

ความไม่ธรรมดาที่ว่านี้อยู่ความไม่ธรรมดาของ “บูรพาพยัคฆ์” ที่เรียงหน้ากันเข้ามาใน ครม.ประยุทธ์ 1 ถึง 4 คน

บูรพาพยัคฆ์คนแรกก็คือ พี่ใหญ่ผู้เป็นเสาหลักของบูรพาพยัคฆ์ เป็นผู้ที่ทำให้ชื่อทหารเสือราชินีแห่งบูรพทิศเป็นที่รู้จักในแวดวงการทหาร กระทั่งผงาดดุจพยัคฆราชในทางการเมือง...บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พล.อ.ประวิตรรั้งตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง” ควบ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” นั่งเป็นนายใหญ่คุมทุกเหล่าทัพ ทั้งทัพบก ทัพเรือ และทัพอากาศ ส่วนจะรวมถึงตำรวจด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะมอบหน้าที่ให้หรือไม่ แต่โดยธรรมเนียมแล้วรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงจะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.ป ด้วย

บูรพาพยัคฆ์คนที่สองจะเป็นใครเสียมิได้นอกเสียจาก บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก น้องรักของบิ๊กป้อมและพี่รักของบิ๊กตู่ ซึ่งเที่ยวนี้รั้งตำแหน่ง “มท.1” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกรดเอที่นักการเมืองต่างปรารถนาจะได้มานั่งว่าการ

นั่นแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้ความเคารพนับถือและไว้ใจพี่ป๊อกมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่ยกเก้าอี้ตัวนี้ให้อย่างแน่นอน

แน่นอน กระทรวงมหาดไทยคือแขนขาในการทำงานอันสำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทั้งในด้านของความมั่นคง ในด้านการเมืองและในด้านการผลักดันนโยบายสำคัญในลงไปสู่ระดับรากหญ้า

และงานนี้บิ๊กป๊อกได้หนีบเอาเพื่อนรัก “อำนวยศิลป์” ชั้น ม.ศ.4 ปีการศึกษา 2509 นายสุธี มากบุญ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ามานั่งเป็นผู้ช่วยในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย

ทีนี้ก็มาถึงบูรพาพยัคฆ์คนที่สามซึ่งต้องถือว่าเป็น “ม้ามืด” เพราะเบียดโผเข้ามาในนาทีสุดท้ายเลยก็ว่าได้ “บิ๊กโด่ง-พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร” ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบกที่พี่ตู่ไว้วางใจให้ไปรั้งเก้าอี้ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม” อีก 1 ตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ ไม่เคยปรากฏชื่อของบิ๊กโด่งในโผครม.ประยุทธ์ 1 ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มีแต่ชื่อของ “บิ๊กต๊อก-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” เท่านั้นที่นอนมาตั้งแต่ต้นจนจบในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ดังนั้น จงอย่าแปลกใจว่า ทำไมจึงเกิดคำถามมากมายถึงนัยที่อยู่เบื้องหลังการเข้ามาเป็นผู้ช่วยของบิ๊กป้อม

ประเด็นแรก คงหนีไม่พ้นเรื่องของความไว้วางใจจากทั้งพล.อ.ประวิตรและพล.อ.ประยุทธ์

ประเด็นที่สอง คงเป็นเรื่องของเสถียรภาพใน “สภากลาโหม” เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมหมายความว่า บูรพาพยัคฆ์มี 3 เก้าอี้ที่แน่นอนในสภากลาโหม แถมไม่ใช่แค่ 3 เก้าอี้เสียด้วยซ้ำไป เพราะ พล.อ.อุดมเดชยังไม่ได้เกษียณอายุราชการ จึงนั่งเก้าอี้ในสภากลาโหมทั้งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก

ส่วนอีก 2 เก้าอี้ในสภากลาโหมตามกฎหมายก็เป็นของผู้บัญชาการทหารสูงสุดและปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่ง 2 ตัวเต็งในเก้าอี้ก็คือ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร(ตท.12) และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล(ตท.13) เสธ.ทหาร แต่ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ใครจะนั่งเก้าอี้ตัวไหน ทว่า ที่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์คือ ทั้งสองคนเป็นส่วนหนึ่งของ “ประวิตรคอนเนกชั่น” อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

เมื่อเป็นเช่นนี้คงเห็นภาพว่า การวางไลน์และการสืบทอดอำนาจของบูรพาพยัคฆ์ในกองทัพบกนั้นมั่นคงดั่งขุนเขาเพียงใด

คงไม่ต้องกล่าวถึงบูรพาพยัคฆ์คนที่สำคัญที่สุดคนสุดท้ายคือ พล.อ.ประยุทธ์กระมัง เพราะเป็นที่ชัดเจนในภาระหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นี่คือความสามัคคี ความเหนียวแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นพี่ใหญ่

จากบูรพาพยัคฆ์ก็ตัดภาพกลับมาที่ “สายวงศ์เทวัญ” บ้าง

ครม.ประยุทธ์ 1 เที่ยวนี้มี 2 พี่น้องนายพลแห่งวงศ์เทวัญเข้าร่วมวงไพบูลย์ด้วยสองคน

คนแรกคือ บิ๊กหนุ่ย-พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เพื่อนรักเตรียมทหารรุ่น 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งครั้งนี้ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

คนที่สองคือ บิ๊กต๊อก-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

เมื่อพินิจพิเคราะห์การดำรงตำแหน่งของพี่น้องวงศ์เทวัญเที่ยวนี้ ก็มีสิทธิคิดได้ว่า กระทรวงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลนั้น เล็กเกินไปหรือไม่ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วทั้งบิ๊กหนุ่ยและบิ๊กต๊อกอาจตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานในทั้งสองกระทรวงดังกล่าวก็เป็นได้

แต่ไม่รู้ว่ามีเจ้ากรมข่าวลือมาจากแห่งหนตำบลไหนปล่อยข่าวให้เจ็บช้ำ น้ำใจอีกด้วยว่า นอกจากคนตัวเล็กใจใหญ่อย่าง พล.อ.ไพบูลย์จะพลาดเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกแล้ว เผลอๆ ยังจะผ่านเก้าอี้รองผู้บัญชาการทหารบกอีกต่างหาก เพราะจะถูกย้ายข้ามห้วยไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมอะไรไปโน้น และผู้ที่จะมารั้งเก้าอี้ตัวนี้แทนไม่ใช่ใครอื่นหากแต่คือ บิ๊กนมชง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง รับรองว่า งานนี้หนังชีวิต เพราะ พล.อ.ไพบูลย์ก็ไม่ธรรมดา ถ้าไม่มี พล.อ.ไพบูลย์ก็ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ขณะเดียวกันก็จะขยับรอยร้าวของ “วงศ์เทวัญ” ที่มีต่อ “บูรพาพยัคฆ์” ให้ห่างออกไปกว่าเดิมอีก

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศชัดในการเดินทางไปมอบนโยบายในการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ณ สโมสรกองทัพบกเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 ว่า ไม่มี “บูรพาพยัคฆ์” และ ไม่มี “วงศ์เทวัญ” ในกองทัพบกอย่างที่มีการกล่าวถึงกันแล้ว

“เลิกได้แล้วว่าล็อกสเปก จะบอกว่าสเปกบูรพาพยัคฆ์ ที่สื่อไปพูด ไม่เคยมีหรอกไอ้บูรพาพยัคฆ์ หรือวงศ์เทวัญ ไม่มี บูรพาพยัคฆ์อยู่ตะวันออก ใครอยู่ตรงไหนก็โตตรงนั้น เดี๋ยววันหน้าเมืองกาญจน์ขึ้นมาเติบโตก็จะบอกว่าเป็นทีมลาดหญ้า สื่อมโนไปเลย มโนตลอด ให้สื่อเขียนแบบมีข้อเท็จจริงหน่อย อย่ามโน ถ้าอย่างนั้นให้ไปเขียนนิยาย อย่าติอย่างเดียว ชมบ้าง ที่ดีๆ ไม่เห็นชมบ้างสักคำเลย พอถามว่าทำไมไม่ชมบ้าง ก็บอกว่าดีอยู่แล้วไม่ต้องชม แต่พอที่ติแล้วติอีกเรื่องเดิม ติมาจนผมจะเกษียณอยู่แล้ว 4 ปีแล้ว หากย้อนไป ผบ.ทบ.เก่าอีกหลาย ไม่ยอมเลิกเสียที ฉะนั้นพอได้แล้ว สื่อต้องปฏิรูปตัวเอง ท่านมีฐานันดรอยู่แล้ว ท่านจะต้องมีจรรยาบรรณ ผมไม่ได้ตำหนิอะไรเลย ชื่นชมตลอด ผมไม่ใช่คู่ปรับท่านอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ส่วน ครม.ท่านนายพลที่เหลือนั้น นอกจากจะเป็นบรรดาผู้นำเหล่าทัพที่ร่วมรัฐประหารด้วยกันแล้ว กล่าวได้ว่า ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักและน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์และพล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ได้แก่

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อร่วม ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ที่นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นายทหารคนสุดท้ายของ ตท.12 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ ซึ่งตามโผขยับขึ้นไปเป็นประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.อัตราจอมพลก่อนเกษียณ และล่าสุดพลิกโผมากินตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบกก็มารั้งตำแหน่งสำคัญทางด้านเศรษฐกิจคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อนร่วม ตท.12 เป็นรัฐมนตรีว่าการด้านสังคมที่กระทรวงแรงงาน และพล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก เพื่อนรักของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ซึ่งตามโผจะขึ้นเป็น เสธ.ทบ.เพื่อเป็นมือเป็นไม้ให้กับเพื่อนรักก่อนเกษียณอายุราชการในปีหน้า ก่อนที่จะโผล่าสุดต้องอกหักไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. โดยมี พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสธ.ทบ.หยิบชิ้นปลามันไปแทน นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ส่วนนายพลคนสุดท้ายเป็นตำรวจ บิ๊กอู๋-พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ถูกเด้งเข้ากรุสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดิมทีจะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็พลิกโผข้ามไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงแห่งมนุษย์

เห็นรายชื่อท่านนายพล รวมถึงคนของท่านนายพลที่เข้ามานั่งเก้าอี้สำคัญๆ ตัวอื่นๆ ร่วมครม.ประยุทธ์ 1 แล้วต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา เพราะแต่ละคนแล้วเป็นเครือข่าย “กลุ่มอำนาจใหม่” นำโดย 4 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ทั้งสิ้น

และที่สำคัญที่สุดคือทุกเก้าอี้รัฐมนตรีใน ครม.ประยุทธ์ 1 สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่า “ไว้ใจได้” ทั้งสิ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น