รองนายกฯ-รมว.กลาโหม เผยนโยบายแก้ไฟใต้ กอ.รมน.ดูแลโดยตรง ยังไม่ได้กำหนดคุยสันติภาพ ยันมีประชุมคู่ขนานรัฐบาลแน่ ตอกกลับ 60 นักวิชาการอย่าล้ำเส้น ถ้าอยากจัดเสวนาวิชาการให้ไปขอ คสช. เพราะอยากให้สงบสุข-ปรองดอง ส่วนคดีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษหวังว่าคงจับกุมคนร้ายได้
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมกลาโหมว่า นโยบายแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคใต้จะต้องดูแลให้เกิดความสงบให้ได้ เป็นหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ดูแลโดยตรงอยู่แล้ว โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแลสูงสุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้ตนไปดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหากมีเวลาจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย สำหรับความคืบหน้าในการพูดคุยเพื่อสันติภาพนั้นยังไม่ได้กำหนดผู้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะ และยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการประชุมกำหนดนโยบายทำงานคู่ขนานกับรัฐบาลอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมเดือนละกี่วัน แต่ยืนยันว่าจะต้องมีแน่นอนเพื่อทำงานคู่ขนานกับรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ต้องเดินตามนโยบาย คสช. และขณะนี้ คสช.เดินมาได้ถูกต้อง และประชาชนก็พอใจ
ส่วนกรณีที่ 60 นักวิชาการเข้าชื่อที่ไม่เห็นด้วยกับการระงับงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ต้องเดินไปเช่นนั้น อย่าให้ล้ำเส้น อะไรทำตามกฎหมายได้ก็ทำ
เมื่อถามย้ำว่า นักวิชาการที่เรียกร้องให้เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็น และจัดเสวนา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้สามารถทำเรื่องไปที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะ คสช.จะเป็นผู้กำหนดว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตนขอย้ำว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย เพราะ คสช.ต้องการให้เกิดความสงบสุข และความปรองดอง แต่อะไรที่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองคงไม่ได้
เมื่อถามว่า หากนักวิชาการจะเสนอเสวนาวิชาการได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกเรื่อง คสช.จะประชุมกัน ถ้ามีความชัดเจนทางวิชาการก็ไม่มีใครว่าอะไร
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมคนร้ายสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษว่า ตนหวังว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินหน้าเต็มที่โดยให้ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ และฝ่ายสืบสวนไปติดตามให้ได้อย่างเร็ว