ASTVผู้จัดการ - “ประยุทธ์” เนื้อหอม “อินเดีย” จองคิวแรก ร่วมหารือเจซี ไทย - อินเดีย ครั้งที่ 7 ปลายปีนี้ พร้อมเร่งดันการเจรจาการจัดทำ FTA ไทย - อินเดีย ให้เร็วที่สุด ชูถนน 3 ประเทศ ไทย - อินเดีย - พม่า เปิดอาเซียน
วานนี้ (11 ก.ย.) กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ภารกิจการเดินทางเยือน ประเทศอินเดีย ของคณะ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเป็นประธานการประชุมหารือระดับปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทย - อินเดีย (Foreign Office Consultation - FOC) ร่วมกับ นายอนิล วาธวา ปลัดกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย (ฝ่ายภูมิภาคตะวันออก) ณ กระทรวงการต่างประเทศอินเดีย (Jawaharlal Nehru Bhawan - JNB)
ในโอกาสดังกล่าว ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นางสุษมา สวราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ณ กระทรวงการต่างประเทศอินเดีย (JNB) และพลเอก วิชัย กุมาร สิงห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ณ กระทรวงการต่างประเทศอินเดีย (South Block)
กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ฝ่ายอินเดียได้แสดงความยินดีต่อการเข้ารับหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย
นอกจากนั้น ในการหารือทุกระดับ อินเดียได้แสดงความกระตือรือร้นในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และแสดงถึงความสำคัญที่ให้กับไทยในฐานะมิตรประเทศและประเทศหุ้นส่วนในอาเซียน โดยเฉพาะในการมีปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยในฐานะประเทศหุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างอินเดียกับประเทศในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียตะวันออก
ในการนี้ อินเดียได้เชิญให้นายกรัฐมนตรีไทยเยือนอินเดีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดียได้แจ้งความประสงค์ที่จะเยือนไทยในโอกาสแรก โดยได้ตอบตกลงที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission - JC) ไทย - อินเดีย ครั้งที่ 7 ที่ประเทศไทย ในช่วงปลายปี 2557 หรือต้นปี 2558 ซึ่งการประชุม JC เป็นกลไกหลักในการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติ เพื่อติดตามประเด็นคั่งค้างและผลักดันประเด็นความร่วมมือใหม่
ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงพัฒนาการทางการเมืองของไทยตามแผน Road Map ของ คสช. ซึ่งอินเดียเห็นว่าพัฒนาการทางการเมืองเป็นเรื่องภายในของไทย และปลัดกระทรวง ได้แจ้งเกี่ยวกับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจและแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนต่างประเทศดำเนินการค้าการลงทุนในไทยมากขึ้น ในด้านนโยบายต่างประเทศ ปลัดกระทรวงได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่แข็งขันของไทยในการเสริมสร้างประชาคมอาเซียนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอาเซียน โดยเฉพาะบทบาทของไทยในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านและการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ผ่านการดำเนินโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคม เส้นทางรถไฟ และการกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษ
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นทวิภาคีต่างๆ โดยในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการเจรจาการจัดทำ FTA ไทย - อินเดีย ให้สามารถลงนามและมีผลบังคับใช้ในโอกาสแรก ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมโยงเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยมีโครงการสำคัญคือโครงการถนนสามฝ่าย ไทย - เมียนมาร์ - อินเดีย (India - Myanmar - Thailand Trilateral Highway Project) และการพัฒนากฎระเบียบต่างๆ ในการขนส่งข้ามแดนและด้านศุลกากรให้มีความคล่องตัว เพื่อส่งเสริมให้ถนนสามฝ่ายเป็นระเบียงเศรษฐกิจไทย - เมียนมาร์ - อินเดีย และได้หารือถึงการพัฒนาความเชื่อมโยงทางทะเลและการเชื่อมโยงทางอากาศด้วย
ด้านการค้าการลงทุน อินเดียประสงค์ให้ภาคเอกชนไทยลงทุนในอินเดียมากขึ้น โดยเฉพาะ ในด้านอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจเดลี - มุมไบ และระเบียงเศรษฐกิจเจนไน - บังกาลอร์ โดยฝ่ายไทยได้ขอให้อินเดียพิจารณาอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนและปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนมากขึ้น อาทิ แก้ไขกฎระเบียบด้านการตรวจลงตราที่ลดเวลาการพำนักอยู่ในอินเดียของนักธุรกิจไทยจาก 1 ปี เป็น 6 เดือน และเร่งทำความตกลงที่สำคัญ เช่น ความตกลงยกเว้นภาษีซ้อน
ด้านความมั่นคง ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านข่าวกรอง การต่อต้านการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นความท้าทายในมิติใหม่ที่เป็นผลมาจากความเชื่อมโยงที่มากขึ้น ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการเยือนอินเดียของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของอินเดียในการพัฒนาอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีความสนใจที่จะเยือนอินเดียเพื่อศึกษาอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์ของอินเดียที่มีความก้าวหน้า นอกจากนั้น อินเดียสนใจที่จะตั้งคณะทำงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้ามนุษย์และด้านยาเสพติดกับไทย