หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งยอมรับการผูกขาดธุรกิจพลังงานมีอยู่จริง เหตุไม่มีการออกกฎหมายกำกับกิจการพลังงานหลังแปรรูป ห่วงเกิดสภาวะ “ค้างคาว” หากแยกท่อก๊าซออกมาตั้งเป็นองค์กรใหม่โดยให้คลังถือหุ้น เพราะถ้าใช้กฎหมายไปควบคุมแล้วจะเกิดปัญหา จี้เร่งปฏิรูปด่วน พร้อมแนะถ้าศาลชี้ท่อก๊าซเป็นของรัฐ ควรใช้วิธีการโอนมาเป็นของรัฐแทนการซื้อหุ้นคืน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาพลังงาน ว่า ต้องยอมรับว่าปัญหาการผูกขาดธุรกิจจะมีอยู่ในบางส่วน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องพลังงาน แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ที่ต้องมีการผลิต แปรรูป และขนส่งจะมีการผูกขาดโดยธรรมชาติ ดังนั้น อย่าไปสรุปว่าธุรกิจพลังงานทั้งหมดผูกขาด เพราะการผลิต หรือแปรรูปอาจจะแข่งกันได้ แต่ระบบที่เป็นเหมือนคอขวดคือระบบส่ง โดยธรรมชาติจะเป็นการผูกขาด ส่วนปัญหาน้ำมัน แก๊สในประเทศไทยมีราคาแพงตนมองว่า เรื่องการผูกขาดมีอยู่จริง แม้จะมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่า หากจะมีการแปรรูปอะไรก็ตาม ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับส่วนที่มีการผูกขาดโดยธรรมชาติ และต้องมีกฎหมาย กติกา หรือให้องค์กรอิสระที่มีความสามารถ เป็นผู้มาดูแลเรื่องการแข่งขัน แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการแปรรูป ไม่มีการออกกฎหมายเรื่องการกำกับกิจการพลังงาน มีการเอาทุกอย่างไปขายในตลาด ยกการผูกขาดของรัฐให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจจะมีกระทรวงการคลังอยู่ครึ่ง แต่เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมผูกขาดมาถึงทุกวันนี้
ส่วนประเด็น แยกท่อก๊าซดีหรือไม่ ต้องบอกว่า แยกออกมาดีกว่าอยู่ในองค์กรที่อยู่ แต่หากแยกออกมาแล้ว ยังเป็นองค์กรเดิมก็จะไม่มีประโยชน์อะไร และสิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ ที่ ปตท. ระบุว่า เมื่อแยกบริษัทท่อก๊าซออกมา แล้วจะให้คลังมาถือหุ้น แล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าคลังจะสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาที่เป็นธรรม
“สภาวะเช่นนี้ ผมเรียกว่า “ค้างคาว” นกมีหู หนูมีปีก เพราะเมื่อเวลาจะใช้กฎหมายบางฉบับไปควบคุม เช่น กฎหมายทางการค้า ปตท. จะได้รับการยกเว้น เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่เมื่อบอกว่า ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ตอบสนองนโยบายของรัฐได้หรือไม่ ปตท. ก็จะตอบว่าไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผมคิดว่าสภาพเช่นนี้ ต้องมีการปฏิรูปโดยเร็ว”
ส่วนนโยบายให้รัฐต้องถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ธุรกิจของ ปตท. มีหลากหลาย หากธุรกิจใดที่แข่งขันได้ก็ไม่ต้องยึดมาเป็นของรัฐ แต่หากคำว่ายึดหรือทวงคืนจะใช้วิธีใด หากใช้วิธีการซื้อหุ้นคืน จะเป็นการซื้อคืนที่แพงกว่าเดิมหรือไม่ หรือหากจะยึดมา ก็จะมีผู้เสียหาย ตนคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอาคืน แต่หากอะไรซึ่งยังเป็นของรัฐ และทางกฎหมาย หากศาลบอกว่าเป็นของรัฐ ก็ต้องเอามาเป็นของรัฐ ก็อาจจะใช้วิธีโอนมาในราคาที่เป็นธรรม ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด