xs
xsm
sm
md
lg

“วิชา” เห็นใจ อสส.ง่อนแง่น ยันหลักฐาน “ปู” โกงข้าวมีครบ ลั่นถ้าไม่ไหวจะฟ้องเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. (ภาพจากแฟ้ม)
ป.ป.ช. ชี้อัยการสูงสุดไม่เห็นข้อมูลชัดเจน เห็นใจที่สถานะง่อนแง่น คนก่อนก็ถูกปลดกลางอากาศ ขอแสดงความมุทิตาจิต ยันหลักฐาน “ปู” เมินยับยั้งโครงการข้าวมีหลักฐานครบ สอบพยานก็ครบ ชี้ถ้าได้เห็นหลักฐานจะเป็นลม ยันตกลงกันได้อยากให้ฟ้อง แต่ถ้าไม่ไหวก็ฟ้องเอง เชื่อในฐานะรุ่นพี่คงไม่ถอดใจง่ายๆ แจงส่งงานวิจัยทีดีอาร์ไอแสดงให้เห็นของจริง ไม่ได้ตรวจวิทยานิพนธ์ อยากได้ให้บอก

วันนี้ (5 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการ และโฆษก ป.ป.ช. ในฐานะกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) ยังสั่งไม่ฟ้องคดีรับจำนำข้าว และมีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง อสส. กับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า ป.ป.ช. ไม่รู้สึกแปลกใจเรื่องที่ อสส. ระบุว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอหรืออะไรต่างๆ เพราะท่านยังไม่เห็นข้อมูลที่อยู่ในมือของเราในการเชื่อมโยงให้เห็นความชัดเจน อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกเห็นใจท่าน อสส. เพราะขณะนี้สถานะท่านง่อนแง่นมาก จะเห็นได้เลยว่า ท่าน อสส. คนก่อนก็ถูกปลดกลางอากาศทางโทรทัศน์ ตอนเวลา 2 ทุ่ม อย่างนี้น่าเห็นใจหรือไม่ ดังนั้น อย่าไปรุกเร้าท่าน อสส. มากเลย เพราะน่าเห็นใจจริงๆ ความจำเป็น จำใจ หรืออะไรต่ออะไรที่เกิดขึ้นนั้น เราในฐานะที่เป็นองค์กรในกระบวนการยุติธรรมด้วยก็ต้องขอแสดงมุทิตาจิต แต่อย่างไรเราก็ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งหลักฐานอ่อนไปให้ อสส.

นายวิชา กล่าวว่า กรณี อสส. แถลงข่าวเรื่องข้อไม่สมบูรณ์ในพยานหลักฐานคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใน 3 ประเด็น คือ 1. นายกฯ มีอำนาจยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่เก่ามากแล้ว และหลักฐานมีครบถ้วน แต่คงจะคุยกันรู้เรื่องในคณะทำงานร่วม แต่สำหรับประเด็นนี้ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยเสนอประเด็นดังกล่าวแล้วด้วย 2. ที่ อสส. ตั้งข้อสังเกตว่า รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่อย่างไรนั้น เราได้มีการสอบพยานจนครบถ้วนแล้ว และทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้เสนอให้สอบเพิ่ม แต่ ป.ป.ช. มีความเห็นไปแล้วว่า เมื่อเสนอมาก็รับไว้ แต่พิจารณาเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องเพียงพอที่จะต้องสอบพยานเพิ่มแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรายังไม่ได้รับข้อมูลจาก อสส. อย่างเป็นทางการ แต่เป็นการออกมาตอบโต้หลังจาก อสส. แถลงข่าวผ่านสื่อ ซึ่งเราคงต้องรอให้ อสส. ส่งมาอย่างเป็นทางการอีกที แต่อยากเรียนว่าถ้า อสส. ได้เห็นหลักฐานที่จะส่งตามไปอีกนี้ ท่านอาจไม่ทำคดีต่อ แต่เป็นลมล้มคว่ำไปเอง เพราะมันเหลือกำลังรับจริงๆ เพราะประเทศนี้เมืองนี้มันสุดยอดแล้ว

นายวิชา กล่าวต่อว่า และ 3. สำหรับงานวิจัยโครงการรับจำนำข้าวของทีดีอาร์ไอนั้น ความจริงมีอยู่ในพยานหลักฐานที่มาเบิกความกันไว้หมดแล้ว และ อสส. เป็นหน่วยงานที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมด้วยกัน หากสงสัยอะไร เราเคยมีข้อตกลงกันว่าถ้ามีข้อมูลอะไรยังไม่ครบถ้วนก็ขอมาได้ ไม่จำเป็นต้องมาตั้งคณะทำงานร่วม แต่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทั้งตน นายประสาท และกรรมการ ป.ป.ช. ทุกคน พูดตรงๆ ว่า เราสวดมนต์ทุกวันให้ อสส. อยู่รอดปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ถ้าตกลงกันได้อยากให้ อสส. ฟ้อง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการเอง เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน

“แต่ดูจากที่ อสส. แถลงข่าว ดูเหมือนจะถอดใจแล้ว แต่ผมคิดว่า ท่านเป็นรุ่นน้องที่ผมเชื่อถือ คงจะไม่ถอดใจง่ายๆ หรอก ดังนั้น ผมจะรอรายละเอียดที่ อสส. จะส่งมาให้แล้วตั้งคณะทำงานร่วม ถึงแม้ว่า ป.ป.ช. อยากจะฟ้องร้องเองมากแค่ไหน แต่ก็ต้องใช้วิธีที่จะทำงานให้ราบรื่น” นายวิชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไม ป.ป.ช. จึงส่งเอกสารหลักฐานที่เป็นผลวิจัยของทีดีอาร์ไอไปเพียงแค่ปกเท่านั้น นายวิชา กล่าวว่า ป.ป.ช. ได้แจ้ง อสส. ไปแล้วว่าหลักฐานมีอยู่ทุกอย่างถ้าต้องการให้มาขอ เพราะส่วนใหญ่เป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการเริ่มต้นสอบ โดยเป็นพยานบุคคลที่ได้ให้ถ้อยคำเอาไว้อย่างครบถ้วน แต่ อสส. ไม่ได้ติดต่อมาเลย ทั้งที่เราได้สอบถามไปแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอบอกว่าเราไม่ได้ตรวจวิทยานิพนธ์ ถ้า อสส. อยากอ่านในรายละเอียดจะเอาไปนอนอ่านเล่นนั้นได้เลย

เมื่อถามว่า การส่งไปแต่ปกแสดงว่า ป.ป.ช. กลัวว่าเอกสารหลักฐานจะมีจำนวนมากเกินไปหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ไม่ใช่ไปแต่ปกก่อน แต่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นของจริง โดยพยานหลักฐานได้เบิกความเอาไว้ครบถ้วนแล้ว มีรายละเอียดชัดเจนว่าเขาได้ทำการวิจัยไว้อย่างไรบ้าง

เมื่อถามว่า การระบุว่า อสส. กำลังง่อนแง่นนั้นเพราะ อสส. กำลังถูกแทรกแซงโดยการเมืองใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุเช่นนั้น แต่บอกเพียงว่ารู้สึกสงสารและเห็นใจ อสส. ที่เข้ามาทำงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว คนเดิมไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นกัน ลองคิดดูอกเขาอกเรา ด้วยความเห็นอกเห็นใจเราต้องหยุดนึกดูถึงสภาพบุคคลที่อยู่ดีๆ คนที่มีหมวกสูงสุดขององค์กรถูกปลดกลางอากาศ แล้วอีกคนหนึ่งเข้ามาแทนก็ยังอยู่ในฐานะที่ไม่แน่นอน ยังไม่รู้ตัวเลย ดังนั้น ต้องเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น