xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ตู่1 คนหน้าเดิม ซ้ำรอยรัฐบาล“ขิงแก่”

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว

ว่ากันว่า ที่รีบตั้งคณะรัฐมนตรีแบบมาเร็วเคลมเร็ว เพราะลำพัง“ลุงตู่”คนเดียวชักเอาไม่ไหว

ทหารทำเรื่อง ไล่ทุบไล่ตีมาเฟีย วินเถื่อน ตู้ม้า นานาสารพันปัญหาของสังคม จนศิโรราบหงายเก๋งกันไปเป็นทิวแถว ทว่า เรื่องบริหารประเทศไม่ใช่งานถนัด เลยต้องรีบคลอด ครม.เข้ามาช่วยกันโดยด่วน

ตามสภาพที่ออกมา ได้นายกฯปุ๊บ รีบตั้งครม.ปั๊บ ไม่เอ้อระเหยเหมือนตอนยึดอำนาจแรกๆ

ตามที่เห็นหน้าคร่าตากันแล้ว คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บางคนบางตำแหน่งร้องอ๋อได้ เพราะจัดวางกันมาตั้งแต่เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ

โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่”ที่รู้อยู่ว่า งานนี้ทำเองต้องเจ็บเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนั่งประกบเองกับมือ ไม่ยอมเอาชะตาตัวเองไปเสี่ยงในมือใคร ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. ฝ่ายเศรษฐกิจ แม้ตอนแรกจะพลิกไปพลิกมาว่า จะนั่งตรงไหนของทีมเศรษฐกิจ สุดท้ายบั้นปลายไปปั่นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานบ่อยไป จนจับทางได้ว่า รมว.คมนาคม แบเบอร์

เช่นเดียวกับบิ๊ก คสช. คนอื่นๆ อย่าง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้าคสช. ฝ่ายสังคม ก่อนหน้านี้คั่วอยู่สองเก้าอี้ ระหว่างรมว.ศึกษาธิการ กับรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แต่สุดท้ายได้เข้าไปพัฒนาการศึกษาไทยในปลายทาง ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายมั่นคง คนนี้หลายคนจับทางกันไปมาว่าจะนั่งดูแลความมั่นคงในเก้าอี้ รมว.กลาโหม หรือจะเป็น รมว.ต่างประเทศ ที่ระยะหลังเดินสายเซย์ฮัลโหลต่างประเทศบ่อย แต่ลงเอยในตำแหน่งหลัง เพราะ“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช. ขอจองเอาไว้ เลยต้องเลี่ยงทางให้

ส่วนคนนี้เซอร์ไพร์สแบบสุดๆ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช. ฝ่ายกิจการพิเศษ ที่เต็งหามรองนายกรัฐมนตรี และรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กันมาตั้งแต่ไก่โห่ เพราะรับอาสาปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล ด้วยงบระดับร้อยล้าน ทว่าเอาจริงกระโดดข้ามคลองผดุงกรุงเกษมไปอยู่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสียอย่างนั้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า อยากทำตัวโลว์โปรไฟล์ เกี่ยวข้องกับปัญหาสังคมและไปเชื่อมโยงกับงานเก่าอย่างตำรวจ

ด้าน “บิ๊กนมชง”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ไม่มีพลิกโผกระโดดนั่งแท่นคุมงานกระทรวงพาณิชย์ อยู่ในทีมเศรษฐกิจของ "หม่อมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หัวหน้าทีม ส่วน “บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม นอกจากแห้วเก้าอี้ ผบ.ทบ. ยังทำได้แค่เพียงเกาะกลุ่มอยู่ในกระทรวงยุติธรรมเท่านั้นเอง

แต่กระนั้นก็ดี นายพลทหารใน คสช. กลายสภาพเป็นเสนาบดีกันครบทุกคน ไม่เหนือคาดความหมายที่หลายฝ่ายกะเก็งกันว่า เมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สีเขียวแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่ต้องมีรัฐบาลสีลายพรางเหมือนกัน ตามสไตล์การทำงานในยุคทหารครองเมือง

ตรวจแถวดูรายชื่อ ครม.ประยุทธ์ 1 หลายคนไม่ค่อยจะตื่นเต้นสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะมีทหารพาเหรดกันมาสวมสูทมากมาย ฝ่ายบรรดาพลเรือน ก็พวกหน้าเดิมคุ้นหน้าคุ้นตากันตั้งแต่สมัยขิงแก่ รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนเกือบๆ จะคิดว่า เป็น ขิงแก่เวอร์ชั่น 2

สรุปง่ายๆ หน้าตาไม่หล่อ ไม่สวยอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ !!

ตามสภาพเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างไรเสีย คสช.กับรัฐบาลก็ไม่มีวันแยกออกจากกันได้ เพราะนอกจากนายกรัฐมนตรี กับหัวหน้าคสช. เป็นคนเดียวกันแล้ว เหล่าเสนาบดีของบิ๊กตู่ ก็เป็นพวกในคสช. และคณะที่ปรึกษา คสช. กันทั้งนั้น

มีคนสั่งการคนเดียวกัน เบ็ดเสร็จในตัวแบบครบเครื่องเลยก็ว่าได้

ยังมีการมอบหมายให้บรรดาคสช.เหล่านี้ ไปยืนยึดหัวหาดอยู่ตามกระทรวงยุทธศาสตร์ใหญ่ๆ โดยส่งคนไปช่วยเป็นลูกมือ

เอากันชัดๆ กระทรวงศึกษาธิการที่ “บิ๊กเข้” พล.ร.อ.ณรงค์ ข้ามฟากไปนั่ง ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยัน แต่มันถูกที่ถูกทาง และถูกกับคนหรือไม่ สังคมก็เห็นกันเต็มตาว่า เหมาะหรือไม่เหมาะ แต่เป็นเพราะไม่ไว้วางใจคนภายนอก เลยจัดพวกเดียวกันไปคุม

เช่นเดียวกับ “บิ๊กเจี๊ยบ”ธนะศักดิ์ ที่ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายติติงว่า ไม่ควรนำทหารมาเป็นรัฐมนตรีบัวแก้ว เพราะจะเป็นข้อจำกัดในการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ เนื่องจากจะเป็นทหารแล้ว ยังเป็นหนึ่งในคนทำรัฐประหารที่ต่างประเทศตั้งแง่กับเราอยู่มาสักระยะ
แต่ก็มีกระแสข่าววงในออกมาเฉลยว่า สาเหตุที่วัดใจใช้ “บิ๊กเจี๊ยบ”รับภารกิจการต่างประเทศ เรื่องของเรื่องน่าจะเป็นการใช้จังหวะและโอกาสของวงการ “ทหาร”ในการกระชับความสัมพันธ์ และขยายอาณาจักรของตัวเองกับทหารของประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางการทูตของทหาร หรือที่เรียกว่า “ทูตทหาร”โดยเฉพาะในย่านอาเซียน และเอเชีย ให้มีคอนเนกชั่นที่แข็งโป๊กกว่าเก่า

โดยมี นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตทูตใหญ่ของประเทศไทยที่มีความเก๋าแพรวพราว เข้ามาเป็น “ลูกมือ”ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการให้งานของ “บิ๊กเจี๊ยบ”ลื่นไหล

ขณะที่อีกคนที่น่าสนใจคือ นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ที่ตอนแรกถูกแต่งตั้งให้เป็น สนช. แต่ตอนหลังต้องรีบไขก๊อก สลับที่ด่วนมาได้ดีในตำแหน่งเสนาบดีหญิง งานนี้ว่ากันว่า เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่รายนี้ถูกวางตัวเอามาช่วยเรื่องค้าขายโดยตรง โดยเฉพาะกับญี่ปุ่นที่ตอนทำธุรกิจมีปฏิสัมพันธ์กันดีเยี่ยม เพราะค้าขายมานานนม ดังนั้น จึงต้องดึงมาช่วยเป็นช่องทางในการเปิดตลาดท่องเที่ยวกับชาติซามูไร

แต่ที่ร้องยี้คือ เก้าอี้ รมว.พลังงาน ของนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่มาแบบเหนือเมฆ เหนือความคาดหมายใดๆ เพราะสืบค้นลงไปในประวัติ เจ้าตัวแทบจะไม่ได้แสดงความเชี่ยวชาญด้านพลังงานกันให้เห็นเลย ที่เด่นๆ ในอดีตส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการค้าขาย และบริษัทนายหน้ายักษ์ใหญ่ หลายฝ่ายจึงตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า จะเอามาเป็น

“ดีลเมกเกอร์”กับ “มะกัน”ว่าด้วยเรื่องพลังงานหรือไม่ นี่แหละ

อย่างไรก็ดี แม้จะมีข้อกังขา แต่ในเมื่อเป็นยุคทหาร ก็เคารพกติกาให้เวลาบริหารประเทศกันไปตามเป้าหมายที่พร่ำโพนทะนา

แต่ยังไงก็อดติดใจอยู่นิดเดียวไม่ได้ว่า ตกลงจะเอามาช่วยงาน คสช. แค่นั้นหรือ เพราะบางคนบางรายชื่อกับเนื้องานบางงานมันขัดแย้งกัน จนส่อไปในทางให้ชวนสงสัยอย่างที่เห็นๆ กัน
กำลังโหลดความคิดเห็น