“ประยุทธ์” เข้ากองทัพบกแต่เช้า ใช้ฤกษ์ 10.37 น.วันนี้ รับสนองพระบรมราชโองการโปรเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย ท่ามกลางบิ๊กทหารเข้าร่วมแสดงความยินดี
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศห้องรับรอง 221 อาคาร 2 กองบัญชาการกองทัพ สถานที่ประกอบพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย วันนี้ (25 ส.ค.) ว่าเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้ามายังกองบัญชาการกองทัพบกตั้งแต่เวลา 08.18 น. พร้อมเข้าสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หน้าหอประชุมกิตติขจร ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. รองหัวหน้า คสช., พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. รองหัวหน้า คสช., พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช. , พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช., ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก และปลัดกระทรวงต่างๆ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ทยอยเข้าร่วมแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ และเข้าร่วมพิธี
สำหรับการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในเวลา 10.30 น. ใช้สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) เป็นแม่ข่ายเชื่อมสัญญาณไปยังสถานีโทรทัศน์ต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบริเวณพิธี แต่ให้รายงานบรรยากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ที่ติดตั้งให้สื่อมวลชนได้รับชม
สำหรับพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เริ่มเวลา 10.45 น. โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อัญเชิญพระบรมราชโองการฯ วางบนแท่น จากนั้นนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการรัฐสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อ่านพระบรมราชโองการฯ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เปิดกรวยและถวายบังคมต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.47 น.
หลังจากรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ห้อง 321 ภายในอาคารเดียวกัน ความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และนับเป็นเกียรติอันสูงสุดในชีวิตแก่ผม และวงศ์ตระกูล อย่างหาที่สุดมิได้
ผมตระหนักดีถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ และสำคัญยิ่ง ว่าจากนี้ต่อไป ผมต้องรับผิดชอบในการนำพาประเทศชาติและประชาชนเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งได้มีการปฏิบัติดังต่อไปนี้
การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ได้แก่ การคัดเลือกรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน โดยเร็วที่สุด โดยจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ภายในเดือนตุลาคม 2557
การบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน ในบทบาทของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่ต้องการความรวดเร็วในการแก้ปัญหา โดยรัฐบาล และ คสช.ต้องมีการหารือในการปฏิบัติ ตลอดจนวิธีการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องระมัดระวังการก้าวล่วงซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ขอให้ทุกคนอย่าได้กังวลกับตัวบุคคลมากนัก
วันนี้เราจะต้องสร้างระบบทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ส่วนราชการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องเข้มแข็ง พัฒนาปรับปรุงตนเองในทุกมิติ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการและรองรับการปฏิรูป ที่จะต้องทำให้ฝ่ายการเมืองมีระบบธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศในระยะต่อไป และจะได้ร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคต
อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็เช่นกัน เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของพวกเราในขณะนี้ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ ทั้งในงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีปัญหาสำคัญอยู่หลายประการด้วยกัน ทั้งภาคเกษตรกร รัฐ ประชาชนโดยทั่วไป ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน
บ้านเมืองเรามีปัญหาสะสมสำคัญๆ มากมายมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 นี้ด้วย
ด้านความมั่นคง ยังมีปัญหาอยู่หลายประการ อาทิเช่น ปัญหาชายแดน ทั้งในเรื่องการปักปันเขตแดน การหลบหนีเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี ปัญหาความมั่นคงภายใน ในเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม อาวุธสงคราม การพนัน แรงงานต่างด้าว และอื่นๆ
ด้านเศรษฐกิจ การเดินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม การส่งเสริมการลงทุนในภาคต่างๆ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และประชาชนผู้มีรายได้น้อย โครงสร้างภาษี พลังงาน สาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัญหาปากท้องประชาชนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ พวกเราทุกคนจะพยายามแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาระยะยาวต่อไปในอนาคต
ด้านสังคมและวัฒนธรรม ระบบการศึกษา การปลุกจิตสำนึก การปลูกฝังอุดมการณ์ การดำรงซึ่งวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกันการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปลูกฝังค่านิยมต่างๆ เหล่านั้น และอุดมการณ์ให้กับคนในชาตินั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้การแก้ปัญหานั้นเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับพันธสัญญาต่างๆ รวมทั้งกฎหมายที่ส่วนราชการต้องแก้ไข เพื่อความสะดวกและความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมานั้นยังดำเนินการไม่เรียบร้อย
สิ่งต่างๆ ที่เป็นปัญหาที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น รัฐบาล คสช. และประชาชนทุกคน ต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา เราไม่ปิดกั้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือต้องการกำจัดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่าในสภาปฏิรูปฯ สมาชิกสภาปฏิรูปฯ ไม่ได้มีข้อกำหนด ข้อห้ามอะไรต่างๆ เหมือนกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ที่ต้องยึดหลักการหลายอย่างในการจัดตั้งสภานิติบัญญัติฯ ในส่วนสภาปฏิรูปฯ เราต้องการให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด ในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ทั้งกลุ่มการเมือง กลุ่มพลังประชาชน นักเศรษฐกิจ นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อมวลชน ผู้แทนส่วนต่างๆ เราไม่ต้องการให้ส่วนหนึ่งส่วนใดตกขบวนประชาธิปไตย เพื่อสร้างอนาคตของชาติให้มั่นคงและยั่งยืน ไม่เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต
โอกาสนี้ ผมขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะมุ่งมั่น ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน นำความสุข ความร่มเย็น มาสู่พี่น้องประชาชน และทำให้ประเทศชาติมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง พร้อมไปกับการสร้างความรัก สามัคคี ในทุกกลุ่มทุกฝ่าย ผมขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่ทุกคนในชาติจะมอบให้กับรัฐบาล และ คสช.ในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป ขอขอบคุณครับ"