“สมชัย” โผล่สมัคร สปช.ด้านการเมือง ยกหลักการยึดประโยชน์ชาติต้องฟัง ปชช.

สมัคร สปช.วันที่ 13 ยังคงมีคนทยอยยื่นความประสงค์ต่อเนื่อง หลากหลายด้าน “สมชัย” โผล่สมัครด้านการเมือง ในนาม กกต. แจงหลักการทำงาน 3 ข้อหากได้รับเลือก ยึดประโยชน์ชาติเป็นหลัก นำประสบการณ์พีเน็ต-จัดเลือกตั้ง มาใช้ ปฏิรูปยอมรับต้องฟัง ปชช.

วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ลานอเนกประสงค์ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 11 ด้าน ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม- 2 กันยายน ซึ่งวันนี้เปิดให้องค์กรนิติบุคคลได้เสนอชื่อเป็นวันที่ 13 นั้นโดยบรรยากาศตลอดช่วงเช้ายังคงมีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรให้ความสนใจทยอยเข้าเสนอรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมเข้าสรรหาเป็น สปช.กันอย่างต่อเนื่อง โดยเวลา 10.30 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ก็ได้เข้ายื่นรับการสรรหาเป็น สปช.ด้านการเมือง ในนามของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมกับตรวจความเรียบร้อยในการรับการเสนอชื่อ

นายสมชัยกล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิในฐานองค์กรนิติบุคคลตามที่ กกต.มีมติเสนอชื่อตนเอง และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองเข้ารับการสรรหา จากนี้ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะคัดเลือกให้เข้าไปเป็นหนึ่งใน สปช.หรือไม่ ทั้งนี้หากได้รับการสรรหายืนยันว่าเข้าไปแล้วจะยึดหลักในการทำงาน 3 ด้าน คือ 1. จะมองประโยชน์ของสังคมเป็นหลักมากกว่ามองประโยชน์ของตนเอง หรือของ กกต.เพราะการปฏิรูปเป็นเรื่องของประเทศจึงจำเป็นต้องยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก 2. จะเอาประสบการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งสมัยที่ทำงานสนับสนุนตรวจสอบการเลือกตั้งในฐานเลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย หรือพีเน็ตกว่า 20 ปี รวมถึงประสบการณ์ในการทำงานจัดการเลือกตั้งขององค์กรสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งอีก 16 ปี เข้าไปช่วยในการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งให้ดีขึ้น 3. อยากให้การปฏิรูปครั้งนี้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ก็ต้องฟังเสียงของประชาชน เพื่อให้การปฏิรูปครั้งนี้เป็นทางออกแก่สังคม ไม่อยากให้มีการแยกสี แยกฝ่ายกันอีก จึงอยากให้ใช้กลไก สปช.ครั้งนี้เป็นทางออกของสังคม อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมีแผนงานที่จะไปเสนอชัดเจน แต่หลายเรื่องควรได้ช่วยกันคิด ช่วยกันตรวจสอบ จึงเห็นว่าควรจะมีการรับฟังและร่วมกันคิดในประเด็นข้อเสนอต่างๆ ดีกว่า ทั้งนี้หากเรื่องใดจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขกลไก หรือเป็นเรื่องที่ต้องใช้กลไกการบริหาาจัดการภายในของ กกต. ตนก็จะได้นำมาหารือและรับการสนับสนุนข้อมูลจาก กกต.ต่อไป

สำหรับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ในช่วงเช้าที่ผ่านมามีบุคคล เช่น สมาคมวิศวกรรมเคมีและเคมีประยุกตุ์แห่งประเทศไทย เสนอชื่อนายชัยฤิทธิ์ สัตยาประเสริฐ อาจารย์คณะวิศวกรรมเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าสรรหาด้านพลังงาน, สมาคมสุโขทัยธรรมาธิราช เสนอชื่อนางอุทุมพร จามรมาน อดีตผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เข้าสรรหาด้านการศึกษา, เมืองพัทยา เสนอชื่อนายพิสิฐ เกตุผาสุก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เข้าสรรหาด้านปกครองท้องถิ่น, มูลนิธิเพิ่มสุข เสนอชื่อ พล.อ.ภาษิต สนธิขันธ์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. เข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน, สมาคมที่ปรึกษาธุรกิจไทย เสนอชื่อนายขจรศักดิ์ สิงโตกุล เข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน

ด้านนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. กล่าวหลังการตรวจความเรียบร้อยการเปิดรับเสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่าการเสนอชื่อมีปัญหาอะไร และจากการทยอยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับการเสนอชื่อก็ไม่พบว่าใครมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ มีเพียงนางลีน่า จังจรรยา ที่มีปัญหาเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแต่ก็ได้มีหนังสือแจ้งประสงค์ขอไม่รับการสรรหาแล้ว ส่วนองค์กรนิติบุคคลที่เข้าเสนอชื่อ ก็ไม่พบว่าขาดคุณสมบัติ โดยกกต.ยึดเอกสารที่แต่ละองค์กรนิติบุคคลยื่รับรองว่าเป็นองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร ส่วนคณะกรรมการสรรหาในระดับจังหวัดขณะนี้ก็มีความเข้าใจชัดเจนแล้วว่าจะต้องเปิดรับการเสนอชื่อไปจนถึงวันที่ 2 ก.ย. และก่อนวันที่ 2 ก.ย.จะไม่สามารถประชุมพิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นสปช.ได้ และแม้หลังวันที่ 2 ก.ย.หากตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการทาบทามและเข้ายื่นความจำนงค์รับการสรรหาเสร็จก่อนระยะเวลา 10วันที่มีการกำหนดไว้ การจะประชุมคัดเลือกบุคคล 5 คน เป็นผู้เหมาะสมเป็นสปช. ก่อนก็ไม่ควร โดยคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดควรจะรอเวลาและเริ่มคัดเลือกพร้อมกับคณะกรรมการสรรหา 11 ด้านเพื่อให้การคัดเลือกผู้เป็นสปช.ทั้งจาก 2 ส่วนเป็นไปสอดคล้องกัน

นายภุชงค์ ยังเชื่อว่าแม้ว่าขณะนี้ในการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาขององค์กรนิติบุคคลบางด้านอาจจะยังมีผู้เข้ารับการสรรหาไม่ถึง 50 คน ตามที่กฎหมายกำหนดว่าให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.ด้านละไม่เกิน 50 คน แต่เมื่อถึงวันที่ 2 ก.ย.ที่ปิดรับการเสนอชื่อในทุกด้านจะมีผู้เข้ารับการสรรหาเกินกว่า 50 คนแน่นอน และเมื่อรวมยออดผู้เข้ารับการสรรหาก็จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีผู้เข้ารับการเสนอชื่อราว 3 พันคน