xs
xsm
sm
md
lg

ดุลอำนาจ “ประยุทธ์-ประวิตร” จุดชี้ชะตาประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

ตอกย้ำกันชัดๆ วันนี้สถานะของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ มากบารมีแค่ไหน ในยุคที่บ้านเมืองอยู่ในสภาวะประชาธิปไตยครึ่งใบ รัฐบาลเฉพาะกาลเข้ามาแก้ปัญหา

สะท้อนตามปรากฏการณ์หลายๆ อย่างเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกันมา กลายเป็นตรรกะที่มีน้ำหนักเป็นอย่างมาก จนวันนี้ทุบโต๊ะได้เลยว่า “พี่ป้อม” ของ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย ไม่ธรรมดาจริงๆ

เห็นได้ตั้งแต่การสมัย คสช. เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็มีการแต่งตั้ง 10 กุนซือ คสช.ชุดที่มี “บิ๊กป้อม” เป็นประธาน เข้ามาทำหน้าที่ให้คำปรึกษาสารพัดเรื่อง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ ซึ่งบุคคลส่วนใหญ่มีสายคอนเนกชั่นกับอดีต รมว.กลาโหมในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะรายนี้ทั้งนั้น

เอาเฉพาะตัวเป้งๆ อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ในฐานะน้องรองแห่งบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนสนิท “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลังแห่งรัฐบาลขิงแก่ เหล่านี้เป็นต้น

กระทั่งรายชื่อ 200 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ก็ปรากฎรายนามคนสนิท หรือล้วนมีคอนเนกชั่นกันในทางใดทางหนึ่ง ทั้งในฐานะคณะกรรมการในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่พาเหรดกันเข้ามาพรึ่บพรั่บ ทั้งในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมชายคาสถาบันเซนต์คาเบรียล ทั้งในฐานะลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา และพวกพ้องทหาร หากจะนับเป็นสัดส่วนจากสมาชิกทั้งหมดขุมข่ายของ “บิ๊กป้อม” มีจำนวนเยอะที่สุด

จากนั้นก็มาแสดงความมากบารมีกันอีกครั้ง หลังจากมีการแต่งตั้ง 77 คณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เข้ามาทำหน้าที่กลั่นกรองผู้เข้ารับสรรหา โดยนั่งตนเองนั่งเป็นกรรมการสรรหาสมาชิกสปช.ด้านการเมือง ขณะที่ 9 กุนซือ คสช.ที่เหลือนั่งประกบอยู่ทุกคณะ คณะละคน จนหลายคนประเมินกันล่วงหน้าว่า สมาชิก สปช.ที่ได้รับการเลือกเข้าไปสุดท้ายอาจกลายเป็นคนที่เรารู้คุ้นหน้าคุ้นตากันดี โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีสายสัมพันธ์ทางใดทางหนึ่งกับพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์คนนี้

ความมีอิทธิพลสูงใน คสช. สะท้อนให้เห็นเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ และดูจะพุ่งทะยานไม่หยุด ดังที่เห็นกันจากงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 69 ปี เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง “บิ๊กป้อม” เปิดมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ให้ “บิ๊กตู่” นำนายทหารระดับสูงในกองทัพบกเข้าอวยพร ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. น้องเล็กสุดจากค่ายบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. “เสธ.โบ้” พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก นอกจากนี้ ยังมีอดีตผู้นำเหล่าทัพอย่าง “บิ๊กเฟื่อง” พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ (อดีต ผบ.ทอ.) “บิ๊กสร้าง” พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (อดีต ผบ.สส.) เข้าไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันล้นงาน

ภาพเหตุการณ์วันนั้นดูเอิกเกริก อลังการ ซึ่งในประเทศไทยมีอดีตนายทหารใหญ่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีนายทหารระดับสูง อดีตนายทหารระดับสูง และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปอวยพรกันมากมายก่ายกองขนาดนี้ เป็นการขยายภาพให้เห็นว่า “บิ๊กป้อม” ในวันนี้กล้ามโตเอามากๆ ที่สำคัญขุมข่ายอำนาจยังกว้างขวางเสียด้วย โดยเฉพาะนายทหารผู้กุมอำนาจรัฐในปัจจุบัน

จนมาถึงคิวล่าสุดที่ทำให้ประจักษ์กันถ้วนทั่วสายตา หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เห็นชอบแต่งตั้ง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ต่อจาก “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ผบ.ตร.คนที่ 10 ของประเทศไทยรายนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับ “บ้านวงษ์สุวรรณ” ขนาดไหน โดยเฉพาะกับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ที่เจ้าตัวเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า ขณะเดียวกัน ยังมีข่าวว่า “บิ๊กป้อม” เองก็ยกมือเชียร์เหมือนกัน

ชื่อของ “บิ๊กอ๊อด” จึงเข้าวินแบบมีแต้มต่อเหนือคู่แข่งอีกคนไปโดยปริยาย!!

การทรงอิทธิพลของ “บิ๊กป้อม” ยังสะท้อนผ่านความเคลื่อนไหวของคนรอบข้าง คนใกล้ชิดอีกด้วย โดยเฉพาะกับการกลับมามีชื่อบนกระดานการเมืองอีกครั้งของ “เดอะห้อย” นายเนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่แห่งค่ายภูมิใจไทย หลังจากห่างหายไปนานพอสมควร ซึ่งล่าสุดมีกระแสข่าวว่า มีความเคลื่อนไหวในถิ่นเก่าย่านคลองหลอดอย่างกระทรวงมหาดไทยกันแล้ว

โดยเฉพาะข่าวการเด้ง นายวิบูลย์ สงวนพงษ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยพ้นคลองหลอดไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรีแทน โดยมีเสียงซุบซิบกันว่า มีนักการเมืองใหญ่ดินแดนบุรีรัมย์จงใจปล่อยข่าวออกมากระตุกปลัดรายนี้เอง เนื่องจากระยะหลังๆ ชักกดปุ่มสั่งนู่นสั่งนี่ไม่ได้ จึงออกอาการหมั่นไส้ ซึ่งหากภายหลังมีการเตะโด่งเข้ากรุกันจริงๆ ก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้มีมูลความเป็นจริงอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นหมามันไม่ขี้แน่

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจถ้าเรื่องนี้เป็นจริงคือ จะทำให้เห็นพลังของคนสนิท “บิ๊กป้อม” อีกครั้ง เพราะบรรดานักการเมืองต่างรู้กันว่า “เดอะห้อย” ต่อติด และซี้กับประธานที่ปรึกษา คสช.คนนี้ขนาดไหน

ทั้งหมดเป็นเพียงการปะติดปะต่อเศษเสี้ยวหนึ่งที่นำมาขยายภาพให้เห็นถึงความมากบารมีของพี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพายพัคฆ์เท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้อาจจะได้เห็นกันชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อถึงคราวการ “ฟอร์มรัฐบาล” ที่เริ่มมีกระแสข่าวออกมาถี่ขึ้นว่า จะมีขุมข่ายอำนาจดังกล่าวเข้าไปนั่งเป็นเสนาบดีกันหลายคน เหมือนกับตอนแต่งตั้งสนช.ที่ผ่านมา

ไม่ต่างจากสมาชิก สปช. ที่หลายฝ่ายก็รอดูอยู่ว่า จะออกมาในแบบฟอร์มเดียวกันอีกหรือไม่ ซึ่งถ้าใช่ก็จะทำให้ แม่น้ำ 5 สายที่ นายวิษณุ เครืองาม เปรียบเปรยเอาไว้ เต็มไปด้วยเหล่า “ซูเปอร์คอนเนกชัน”

ซึ่งน่ากังวลไม่น้อย หากบทสรุปสุดท้ายจะออกมาในรูปแบบนี้ แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมองว่า การทำการใหญ่จำเป็นต้องใช้คนที่ไว้วางใจได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จะเอาใครก็ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ อย่าลืมว่า “ครม.” มีหน้าที่บริหารประเทศ ไม่ใช่ “คณะรวมมิตรสหาย” เช่นเดียวกับ “สปช.” ที่ไม่ใช่ “สภาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต” แต่ทั้งหมดล้วนเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตประเทศ และตัดสินใจว่า จะควบพาประเทศไปทางไหน

ยิ่งดูรายนามแต่ละคนที่เข็นๆ กันเข้ามา แต่ละคนมีแผลเหวอะหวะไม่น้อย บางคนมีภาพลักษณ์ด้านลบ บางคนเคยมีคดีขึ้นโรงขึ้นศาล แถมบางคนโจทย์เพียบ

งานนี้เลยสุ่มเสี่ยงจะ “เสียของ” เหลือเกิน
กำลังโหลดความคิดเห็น