อดีต ส.ส.ปชป.ยื่น ป.ป.ช.สอบ “ธาริต” ละเว้นหน้าที่ช่วงนั่งอธิบดี DSI ไม่รับจำนำข้าวเป็นคดีพิเศษ แถมยื่นเร่งคดี “สุวิจักขณ์” จัดซื้อฉาวในรัฐสภา พร้อมสอบอดีต ส.ส.พท.ยื่นทรัพย์สินเท็จ รองเลขาฯ ป.ป.ช.แจงส่ง จนท.ร่วมตรวจข้าวหาย ที่ผ่านมารับแจ้งความแล้ว ข้าวหาย-เสื่อม เอาผิดผู้ดูแล ส่วนคดี 2 อดีต รมต.พณ.คาดสรุปสำนวน 3 เดือน ส่วนคดีอดีตเลขาฯ สภา 2 เดือนสรุป
วันนี้ (29 ก.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ดำเนินการต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผ่านนายวิทยา อาคมพิทักษณ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบนายธาริตเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่ง กรณีที่ไม่ดำเนินการตรวจสอบและไม่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งรับพิจารณาตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไว้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งนายธาริตอ้างว่าไม่เข้าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ จึงเห็นว่านายธาริตจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นายวิทยากล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตุการณ์การตรวจสต๊อกข้าวร่วมกับ คสช. โดยจะเน้นโกดังที่ ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลว่ามีข้าวหาย ที่ผ่านมาได้มีการแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับโกดังข้าวที่หายไปแล้ว ส่วนความคืบหน้าการไต่สวน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวก็มีความคืบหน้า ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้อและผู้สนับสนุน คาดว่า 3 เดือนจะสามารถสรุปสำนวนได้ ขณะเดียวกัน การตรวจสอบสต๊อกข้าวถ้าพบว่ามีการทำให้ข้าวเสื่อมสภาพ และมีข้าวหายจำนวนมากก็ต้องเอาผิดต่อผู้ที่รับผิดชอบดูแลโกดังข้าว เช่น ผู้อำนวยการคลังสินค้า กรณีดังกล่าวจะเป็นคนละส่วนกับคดีของนายบุญทรง
ทั้งนี้ นายวัชระยังได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาผู้แทนราษฎร ในการจัดซื้อพัสดุและคุรุภัณฑ์ต่างๆ ของรัฐสภา เนื่องจากมองว่าขัดต่อระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างมีมูลค่าสูง และเข้าข่ายการทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น โครงการจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอล 238 เรือน รวม 15 ล้านบาท และการติดตั้งเครื่องปรับอาการในห้องเก็บขยะหลังสโมสรรัฐสภาที่ได้ยื่นเรื่องมานานแล้ว แต่มองว่าคดีดังกล่าวยังไม่คืบหน้า และยังได้ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายมานะ คงวุฒิปัญญา อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่มองว่ามีการยื่นทรัพย์สินเป็นเท็จ เช่น พระเครื่องสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ พระปรือ มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท เป็นต้น
โดยนายวิทยากล่าวว่า ป.ป.ช.อาจจะรับข้อมูลในเรื่องใหม่ไปตรวจสอบส่วนกรณีของนายสุวิจักขณ์ คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนจะสรุปสำนวนได้