เมื่อเวลา 11.15 น. วานนี้ (29ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อป.ป.ช. กรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังไม่ดำเนินการพิจารณารับเรื่องทุจริตโครงการจำนำข้าว เข้าเป็นคดีพิเศษ โดยมีนายวิทยา อาคมพิพักษ์ รองเลขาธิการป.ป.ช. เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
ทั้งนี้นายวัชระ กล่าวว่า ในช่วงที่นายธาริต เป็นอธิบดีดีเอสไอ ตนเป็นกรรมมาธิการพิจารณารายจ่ายงบประมาณประจำปี 2556 - 2557 ได้ยื่นหนังสือถึงนายธาริต เพื่อขอให้พิจารณาโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นคดีพิเศษ ปรากฏว่า นายธาริต ไม่ดำเนินการสืบสวนสวนสวน และนำเรื่องเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะหากนายธาริต รับคดีจำนำข้าวเป็นคดีพิเศษตั้งแต่กลางปี 2556 ความสูญเสียมากมาย คงไม่เกิดขึ้นเช่นนี้
นายวัชระ ยังได้ยื่นร้องต่อป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นายมานะ คงวุฒิปัญญา อดีตข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากไม่แสดงบัญชีในส่วนของพระเครื่องอย่างน้อย 2 องค์ คือ พระปรือ และ สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ มูลค่า 34 ล้านบาทด้วย
นายวัชระกล่าวด้วยว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.57 ที่ผ่านมา นายมานะ เคยให้การต่อศาลตลิ่งชันว่า มีการขายพระปรือ และสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ให้นายสุขสันต์ ตั้งสะสม มูลค่า 34 ล้านบาท และต่อมาในเดือน ก.พ.54 นายสุขสันต์ ได้นำพระทั้งสององค์มาคืนนายมานะ ตลอดจนมีบุคคลอื่นๆ นำพระมาคืนนายมานะจำนวนมาก เป็นเงิน 50 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายมานะ ที่ยื่นต่อป.ป.ช. ในฐานะที่เป็นเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ตั้งแต่เดือนก.ย.54-เดือนก.ค.56 นั้น นายมานะ ไม่เคยแจ้งต่อป.ป.ช. ว่ามีการถือครองพระเครื่องทั้งสองรายการ และพระเครื่องรายการอื่นๆ ที่มีผู้นำมาคืน จึงเชื่อว่านายมานะ ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อป.ป.ช. หลายครั้ง
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าว จะได้รีบมอบให้กับเจ้าหน้าที่ และสำนักที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบในข้อกฎหมายต่อไป ว่าอยู่ในข้อกฎหมาย หรืออยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.หรือไม่
ทั้งนี้นายวัชระ กล่าวว่า ในช่วงที่นายธาริต เป็นอธิบดีดีเอสไอ ตนเป็นกรรมมาธิการพิจารณารายจ่ายงบประมาณประจำปี 2556 - 2557 ได้ยื่นหนังสือถึงนายธาริต เพื่อขอให้พิจารณาโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นคดีพิเศษ ปรากฏว่า นายธาริต ไม่ดำเนินการสืบสวนสวนสวน และนำเรื่องเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะหากนายธาริต รับคดีจำนำข้าวเป็นคดีพิเศษตั้งแต่กลางปี 2556 ความสูญเสียมากมาย คงไม่เกิดขึ้นเช่นนี้
นายวัชระ ยังได้ยื่นร้องต่อป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นายมานะ คงวุฒิปัญญา อดีตข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากไม่แสดงบัญชีในส่วนของพระเครื่องอย่างน้อย 2 องค์ คือ พระปรือ และ สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ มูลค่า 34 ล้านบาทด้วย
นายวัชระกล่าวด้วยว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.57 ที่ผ่านมา นายมานะ เคยให้การต่อศาลตลิ่งชันว่า มีการขายพระปรือ และสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ให้นายสุขสันต์ ตั้งสะสม มูลค่า 34 ล้านบาท และต่อมาในเดือน ก.พ.54 นายสุขสันต์ ได้นำพระทั้งสององค์มาคืนนายมานะ ตลอดจนมีบุคคลอื่นๆ นำพระมาคืนนายมานะจำนวนมาก เป็นเงิน 50 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายมานะ ที่ยื่นต่อป.ป.ช. ในฐานะที่เป็นเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ตั้งแต่เดือนก.ย.54-เดือนก.ค.56 นั้น นายมานะ ไม่เคยแจ้งต่อป.ป.ช. ว่ามีการถือครองพระเครื่องทั้งสองรายการ และพระเครื่องรายการอื่นๆ ที่มีผู้นำมาคืน จึงเชื่อว่านายมานะ ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อป.ป.ช. หลายครั้ง
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าว จะได้รีบมอบให้กับเจ้าหน้าที่ และสำนักที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบในข้อกฎหมายต่อไป ว่าอยู่ในข้อกฎหมาย หรืออยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.หรือไม่