นายวัชระ เพชรทอง อดีตโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556-2557 และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีอาญากับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการปฏิเสธไม่รับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเข้าข่ายคดีอาญาที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของพนักงานของรัฐ ซึ่งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้ปฏิเสธไม่ดำเนินการโดยอ้างว่าไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม นายวัชระ กล่าวว่า ได้นำเอกสารพยานหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ มีพฤติกรรมจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรง จึงควรได้รับโทษตามกฎหมาย
รวมทั้งร้องเรียนให้ไต่สวนข้อเท็จจริงและตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ กรณี นายมานะ คงวุฒิปัญญา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เป็นเท็จ โดยเฉพาะการซื้อขายพระมูลค่า 35 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน อาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ
ทั้งนี้ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทน ป.ป.ช.ออกมารับหนังสือร้องเรียน พร้อมกล่าวว่า ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบในข้อกฎหมายต่อไปว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ในข้อร้องเรียนใหม่ ส่วนเรื่องเดิมได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้วและจะติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นคืบหน้ามากและใกล้เสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนฯ แล้ว จากนั้นจะเสนอให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายวัชระ กล่าวว่า ได้นำเอกสารพยานหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ มีพฤติกรรมจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรง จึงควรได้รับโทษตามกฎหมาย
รวมทั้งร้องเรียนให้ไต่สวนข้อเท็จจริงและตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ กรณี นายมานะ คงวุฒิปัญญา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เป็นเท็จ โดยเฉพาะการซื้อขายพระมูลค่า 35 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน อาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ
ทั้งนี้ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทน ป.ป.ช.ออกมารับหนังสือร้องเรียน พร้อมกล่าวว่า ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบในข้อกฎหมายต่อไปว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ในข้อร้องเรียนใหม่ ส่วนเรื่องเดิมได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้วและจะติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นคืบหน้ามากและใกล้เสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนฯ แล้ว จากนั้นจะเสนอให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาต่อไป