ปธ.สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ อิงธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ระบุ คสช. ต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือเขียนให้ชัด หนังสือพิมพ์ผู้จัดการฯ ตีพิมพ์ข้อความอันเป็นเท็จอย่างไร พร้อมเอาเข้าที่ประชุมพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา 29 ก.ค. นี้ ยันหากผิดจริงจัดการเต็มที่ ไม่ปกป้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 ก.ค. เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Chakkrish Permpool หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งฉบับที่ 108 ตักเตือน “เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์” โดยอ้างฉบับล่าสุดตีพิมพ์ข้อมูลเท็จหลายเรื่อง มีเจตนาทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. พร้อมสั่งให้สมาคมสื่อฯสอบจริยธรรมแล้วรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว นั้น
ในฐานะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลกันเองในด้านจริยธรรม ในกรณีเช่นนี้ ฐานะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คือ ผู้เสียหาย หรือผู้ร้องเรียน ฐานะของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์คือผู้ถูกร้องเรียน ซึ่งกระบวนการในการสอบข้อเท็จจริง ต้องเป็นไปตามธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นั่นคือ การแจ้งเป็นหนังสือพร้อมด้วยพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า ผู้ถูกร้องเรียนละเมิดจริยธรรมในเรื่องใด เพื่อให้คณะกรรรมการได้ดำเนินการสอบสวนตามประเด็น หรือข้อความที่เป็นการละเมิดจริยธรรม ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติในประกาศฉบับที่ ๑๐๓ ที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเรื่องให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ
คณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ จะได้พิจารณาคำสั่งนี้อย่างละเอียด รอบคอบอีกครั้งในการประชุมวันอังคารที่ ๒๙ กรกฎาคมนี้ แต่ในฐานะส่วนตัวผมยืนยันตามที่ได้ให้คำมั่นกับปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะตัวแทน คสช. ว่า เราจะทำหน้าที่อย่างสุจริต ตรงไปตรงมา และจะไม่ปกป้องกันเองอย่างเด็ดขาด หากปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ กระทำละเมิดหรือประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพข้อใด สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจะดำเนินการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มที่ และจะแจ้งผลการพิจารณาให้กับผู้ร้องเรียนทราบโดยเร็ว
อนึ่ง นายจักร์กฤษ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อก่อนหน้านี้ในประเด็นเดียวกันว่า จะดำเนินการตามระเบียบปกติที่เคยเป็นมา ตามที่สภาฯ ได้เคยหารือกับ คสช. ก่อนหน้านี้ ซึ่งเราก็แสดงให้เห็นว่าเราสามารถตักเตือนดูแลกันเองได้ การที่ คสช. ประกาศคำสั่งเตือนหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ครั้งล่าสุดนี้ ยังคงถือเป็นข้อกล่าวหาอยู่ ซึ่งทางสภาฯ จะได้รับเรื่องไว้ และพร้อมดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะมีมาตรการต่อไป
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นตนได้พูดคุยหารือกับทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการฯแล้ว ซึ่งทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการฯเองก็มีความกังวลเกรงว่าสภาฯ จะเร่งรัดรีบร้อนตามคำสั่งของ คสช. ที่ระบุว่าให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ฝ่าฝืนเป็นสมาชิกดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพกับบุคคลเหล่าแล้วรายงานผลการดำเนินการให้ คสช. ทราบโดยเร็วนั้น ทางสภาฯ คงจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ ก่อนดำเนินการใดๆ อาจจะไม่ได้เร็วที่สุดอย่างที่ คสช. ต้องการ