“สมชัย” เผย กกต.เล็งเสนอบุคคลเป็นสภาปฏิรูปฯ ชง คสช.เลือก วอน คสช.ปลดล็อกห้ามชุมนุมการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองประชุมเสนอคนเข้าร่วมเป็น สปช. ขณะเดียวกันเชื่อ รธน.ใหม่จะขยายเวลาให้ กกต.สอบเอาผิดคนทุจริตก่อนเลือกตั้งเพิ่มจากเดิม 30 เป็น 60 วัน พร้อมวางมาตรการใช้จ่ายของ อปท.เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ในฐานะสำนักงาน กกต.เป็นองค์กรนิติบุคคลและองค์กรอิสระที่มีความเชื่อมโยงกับการปฏิรูปการเมืองจะใช้สิทธิเสนอชื่อบุคคล จำนวน 2 รายชื่อ เพื่อเข้าสมัครรับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ส่วนจะเป็นบุคคลภายใน กกต. หรือบุคคลภายนอกนั้นจะต้องรอมติที่ประชุม กกต.พิจารณาอีกครั้งก่อน
นอกจากนี้ เห็นว่าพรรคการเมืองในฐานะองค์กรนิติบุคคลก็ควรเสนอชื่อบุคคลเข้ารับสรรหาเพื่อเข้าร่วมเป็น สปช.ด้วย แต่การประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อลงมติเสนอชื่อบุคคลนั้น ควรรอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่อนปรนประกาศที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองจัดการประชุมหรือเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อน เนื่องจากเห็นว่าฝ่ายการเมืองหรือพรรคการเมือง เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบการเมืองของไทย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากมีตัวแทนจากพรรคการเมืองร่วมในสภาปฏิรูปแห่งชาติด้วย ขณะเดียวกัน กกต.ได้ทำหนังสือสั่งการไปยัง กกต.จังหวัด ให้เตรียมการทำหน้าที่เป็นเลขานุการ สนับสนุนคณะกรรมการสรรหา สปช.ในระดับจังหวัดแล้ว โดยมีการซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำหน้าที่ ขณะที่ กกต.กลางเตรียมสื่อสารทำความเข้าใจต่อประชาชนให้เข้าใจถึงบทบาทหน้าที่สำคัญของ สปช. รวมถึงการเข้ารับสมัครเพื่อรับการสรรหาและการมีส่วนของประชาชน
นายสมชัยยังได้เผยแพร่แผนผังการสรรหา สปช.หลังจากที่ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช.มีผลบังคับใช้ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา รวมทั้งประกาศให้นิติบุคคลเสนอชื่อ โดยสำนักงาน กกต.จะเป็นหน่วยรับการรับการเสนอชื่อซึ่งจะเปิดรับการเสนอชื่อรวม 15 วันนับแต่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา จากนั้นเลขาธิการ กกต.จะใช้เวลาภายใน 10 วันในการตรวจสอบผู้คุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อ ก่อนส่งรายชื่อให้กับคณะกรรมการสรรหา ซึ่งคณะกรรมการสรรหาทั้งระดับจังหวัด และคณะกรรมการสรรหาส่วนกลางที่แบ่งเป็น 11 ด้าน 11 คณะ ก็จะใช้เวลาภายใน 10 วันสรรหาบุคคลจากที่ได้มีการเสนอชื่อ และส่งให้ คสช.พิจารณาคัดเลือกโดย คสช.จะใช้เวลาภายใน 15 วันในการคัดเลือกให้ได้บุคคล 250 คนเป็น สปช.
นายสมชัยยังกล่าวถึงแนวโน้มรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจมีการขยายระยะเวลาให้อำนาจ กกต.ดำเนินการสืบสวนสอบสวนสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งก่อนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งจากเดิม 30 วันมาเป็น 60 วัน หลังจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้อำนาจ กกต.พิจารณาสำนวนคำร้องเพียง 30 วัน ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นเกินไป ไม่เพียงพอในการสอบสวนและวินิจฉัยคำร้อง ทำให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนและวินิจฉัยคำร้องในภายหลัง หากมีการขยายเวลาการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเป็น 60 วัน เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัยสำนวนคำร้องและการให้ใบเหลืองใบแดงได้มากขึ้น เพราะ กกต.ไม่ต้องเร่งรีบประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง มีเวลากลั่นกรองให้คนสุจริตได้เข้ามาทำหน้าที่ อีกทั้งจะได้ใช้กลไกของ กกต.กลาง ลงไปช่วยสืบสวนสอบสวนเพื่อให้สำนวนคดีถูกส่งมายัง กกต.กลางเพื่อวินิจฉัยได้เร็วขึ้น
อีกทั้งในอนาคตอาจมีมาตรการดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หาก กกต. เห็นว่ามีพฤติกรรมที่ส่อแววสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำงบประมาณขององค์กรไปใช้ในการจัดเลี้ยง จัดประชุมประชาคม หรือทัศนศึกษา ก่อนหรือหลังหรือในช่วงที่มีการเลือกตั้ง โดย กกต.จะส่งเรื่องให้หน่วยงานต้นสังกัด เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ กระทรวงมหาดไทย (มท.) รับทราบถึงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้งบประมาณว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หลังพบว่ามีหลายคดีและสำนวนคำร้องคัดค้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีพฤติกรรมส่อแววกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ กกต.ไม่สามารถให้ใบเหลืองใบแดงได้ เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ้างเป็นแผนงานที่มีการวางไว้