กกต. ดีใจ ที่ปรึกษา คสช. ยืนยันองค์กรอิสระยังคงอยู่เหมือนเดิม เตรียมงานตรวจสอบคุณสมบัติ คัดเลือกสภาปฏิรูปฯ ทั้ง 2 ส่วน ชี้ใช้เวลา 60 วันสรรหา คาด 1 ต.ค. ได้ สปช. ครบ 250 คน
วันนี้ (23 ก.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ที่ประชุม กกต. ได้รับทราบกรณีที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ซึ่งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญตนเองและเจ้าหน้าที่ กกต. ไปหารือร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยได้มีการมอบหมายให้สำนักงาน กกต. เป็นฝ่ายเลขานุการ ของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งจากนี้ทางสำนักงานฯ จะรอให้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. ... ที่อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 30 ในการออกประกาศใช้ คาดว่าจะเป็นในเร็วๆ นี้ และเมื่อ พ.ร.ฎ. ดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้วกระบวนการในการสรรหาก็จะเริ่มขึ้น
ทั้งนี้ การสรรหา สปช. จะมาจาก 2 ส่วน คือ ในส่วนจังหวัดที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เสนอชื่อบุคคลมาจังหวัดละ 5 คน เพื่อให้ คสช. เลือกเหลือจังหวัดละ 1 คนนั้น กระบวนการสรรหา สปช. ระดับจังหวัดตาม พ.ร.ฎ. ที่จะออกมา จะให้มีคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด จังหวัดละ 1 คณะ ทั้ง 77 จังหวัด ที่จะประกอบไปด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษา หรือหัวหน้าศาล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบล ประธาน กกต. จังหวัด โดยมีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเป็นฝ่ายเลขานุการ ขณะที่ในส่วนกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการสรรหาจะประกอบด้วยประธานที่ประชุมอธิการบดี อธิบดีศาลแพ่ง ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสภาชุมชนเขต ประธาน กกต. กรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร เป็นเลขานุการ
ส่วนที่ 2 การสรรหา สปช. จาก 11 ด้าน ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 27 นั้น ใน พ.ร.ฎ. จะกำหนดให้ คสช. ตั้งคณะกรรมการสรรหาในแต่ละด้านรวม 11 คณะ คณะละ 7 คน โดยสำนักงาน กกต. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายธุรการของคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 คณะ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการเปิดรับการเสนอชื่อบุคคลเป็น สปช. จากองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรหรือผลประโยชน์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว โดยให้แต่ละองค์กรประชุมเพื่อมีมติเสนอชื่อบุคคลที่จะเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. องค์กรละไม่เกิน 2 คน ซึ่งจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ เบื้องต้น กกต. วางกรอบเวลาไว้ว่าอาจจะเปิดให้มีการเสนอชื่อประมาณ 15 วัน จากนั้นสำนักงาน กกต. ก็เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น สปช. ซึ่งอาจจะใช้หน่วยงานเดียวกับเมื่อครั้งตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น ส.ว. สรรหา ที่มีอยู่ 7 องค์กร และเมื่อได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น สปช. แล้วทางสำนักงาน กกต. ก็จะรวบรวมส่งให้กับคณะกรรมการสรรหาในแต่ละด้าน โดยทางสำนักงาน กกต. จะทำได้เพียงมีข้อสังเกตในคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่ละรายเท่านั้น จะไม่สามารถตัดชื่อออกบัญชีได้ แม้ว่าบุคคลนั้นจะขาดคุณสมบัติก็ตาม
“การสรรหาในส่วนนี้ คสช. เปิดกว้างมาก ตอนนี้มีนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วกว่า 3 พันแห่ง พรรคการเมืองก็ถือเป็นนิติบุคคลที่สามารถเสนอชื่อหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเข้ามาเป็น สปช. ได้ วัด โรงเรียน หรือแม้แต่ กกต. ก็เสนอชื่อได้ รวมทั้งไม่ได้จำกัดว่าองค์กรนิติบุคคลที่จะเสนอชื่อนั้นต้องเป็นองค์กรที่ทำงานเฉพาะที่เกี่ยวกับ 11 ด้าน ที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่กำหนดเพียงว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อ จะต้องเสนอได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น จะเสนอเกินหนึ่งด้านไม่ได้“ นายภุชงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเปิดกว้างในการสรรหาดังกล่าว อาจทำให้มีจำนวนนิติบุคคลและผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น สปช. มีเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งใน พ.ร.ฎ. ก็ได้มีการกำหนดไว้ว่า คณะกรรมการสรรหาในแต่ละด้านได้รับรายชื่อ พร้อมประวัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น สปช. แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านเสนอชื่อผู้ได้รับการสรรหาต่อ คสช. ด้านละไม่เกิน 50 คน หรือไม่น้อยกว่ากี่งหนึ่งของจำนวนที่มีการเสนอชื่อในแต่ละด้าน เพื่อให้ คสช. เลือก สปช. จาก 11 ด้านให้เหลือ 173 คน และเมื่อนำไปรวมกับ สปช. ที่มาจากจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดที่ คสช. เลือกแล้วจังหวัดละ 1 คน ก็จะได้ สปช. รวม 250 คน ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 30 กำหนดไว้ โดยทั้งกระบวนนั้น พ.ร.ฎ. จะกำหนดให้มีเวลาในการสรรหา สปช. ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันดังนั้นคาดว่า ช้าที่สุด 1 ต.ค. จะได้ สปช. ทั้ง 250 คน โดย กกต. พร้อมดำเนินการในทันทีเมื่อ พ.ร.ฎ. มีผลบังคับใช้ ขณะนี้ก็ได้มีปฏิทินกรอบเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนไว้แล้ว และพร้อมเปิดรับการเสนอชื่อจากองค์กรนิติบุคคลได้ทันที
นายภุชงค์ ยังกล่าวด้วยว่า ขั้นตอนการสรรหา สปช. นี้จะไม่ต้องผ่านมติของที่ประชุม กกต. แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่า กกต. จะไม่มีงานทำงาน กกต. ยังมีงานทำอีกมากทั้งในเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย 5 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเพื่อเตรียมข้อมูลไว้หาก คสช. ต้องการ ก็พร้อมจะเสนอ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะยุบองค์กรอิสระในการแถลงข่าวเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ได้แถลงไว้ชัดเจนแล้วว่า องค์กรอิสระก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ต้องตั้งใจทำงานกันต่อไป