xs
xsm
sm
md
lg

ชำแหละ! โรดแมป “คสช.” สนช.เลือกนายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์” แบเบอร์นอนมา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

เมื่อออกมาจากปากผู้นำ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช.จึงถือว่าเชื่อได้ล้านเปอร์เซ็นต์ไม่ต้องกะเก็งกันให้วุ่นวาย สำหรับโรดแมปอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

สรุปความได้ว่า เดือนกรกฎาคมที่ก็คือตั้งแต่อังคารที่ 1 ก.ค. ให้รอได้เลย คสช.จะทำคลอดรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวออกมาแน่นอน โดยมีข่าวเบื้องต้นว่าน่าจะมีผลบังคับใช้ได้ไม่เกินกลางเดือนกรกฎาคมนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค.

หลัง พล.อ.ประยุทธ์บอกเองในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เวลานี้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้จัดทำเสร็จสิ้นแล้วโดยจะเข้าสู่การพิจารณาของบิ๊ก คสช.ในสัปดาห์นี้ว่าจะอนุมัติให้ผ่านร่างทั้งหมดหรือไม่ หรือจะตีกลับมาขอให้ไปแก้ไขอะไรเพิ่มเติมบางมาตราที่ คสช.ไม่เห็นด้วย

ประเด็นก็อยู่ตรงนี้คือ หากบิ๊ก คสช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างที่เสนอมาทั้งหมดที่มีข่าวว่าคนตรวจดราฟสุดท้ายก็คือ วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายกฎหมาย เรื่องก็จะเร็วเพราะหาก คสช.เห็นด้วยไม่ขอให้มีการไปปรับแก้ ทุกอย่างก็จบ ก็เหลือแค่ขั้นตอนรอนำขึ้นทูลเกล้าฯเท่านั้นแต่หาก คสช.ไม่เห็นด้วยหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนมีขั้นตอนเทคนิคเยอะ แล้วส่งเรื่องกลับไปให้คณะทำงานไปปรับปรุงแก้ไขเรื่องก็จะยาวไปอีกหลายวัน

ก็จะทำให้ขั้นตอนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวต้องล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้คำมั่นแล้วว่าจะให้รัฐธรรมนูญคลอดเดือน ก.ค.ก็ต้องรักษาคำมั่นนี้ไว้ยังไงก็ต้องเข็นให้รัฐธรรมนูญชั่วคราวออกมาภายในเดือน ก.ค.นี้แน่นอนเพราะติดเงื่อนไขเรื่องการต้องมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ในช่วงเดือนสิงหาคมอีก

ดังนั้น ถึงอย่างไรรัฐธรรมนูญชั่วคราวคลอดแน่ไม่เกินสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค.และอาจเร็วกว่านั้นอีกหลายวันหากวงประชุม คสช.สัปดาห์นี้ถ้าไม่เลื่อนเสียก่อน อนุมัติให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวของวิษณุ เครืองาม แบบฉลุย ไม่มีการส่งกลับไปแก้ไข

พล.อ.ประยุทธ์ยังบอกอีกว่า หลังรธน.ประกาศใช้ในเดือน ก.ค.แล้วลำดับต่อไปก็จะมีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วแล้วก็ตามด้วยการมีคณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ในเดือนกันยายน แต่จะเป็นช่วง 30 ก.ย.ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเกษียณอายุราชการพอดีหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไป?

ที่คืบมากขึ้นก็คือความชัดเจนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ ที่ คสช.เคาะมาแล้วว่าเจ้าภาพจะใช้ชื่อ “สภาปฏิรูปแห่งชาติ” ที่จะให้สมาชิกมาจากการสรรหาของหลายภาคส่วนโดยคาดว่าหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญเดือน ก.ค.แล้ว ให้นับไปอีก 2 เดือนก็จะเห็นโฉมหน้าของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ช่วงต้นเดือน ต.ค.

มีข่าวว่า คสช.วางไว้ว่าจะให้สภาปฏิรูปแห่งชาตินอกจากมีหน้าที่หลักคือวางกรอบการปฏิรูปประเทศแล้ว ยังจะให้มีหน้าที่สำคัญอีกคือ เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สุดท้ายก็น่าจะเป็น “รัฐธรรมนูญปี 58” โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติจะจัดทำและรวบรวบข้อเสนอแนะที่ได้มาจากฝ่ายต่างๆ ส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญที่จะอยู่ในโครงสร้างของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาประกอบด้วยอีกทางหนึ่ง ว่าแนวทางที่เสนอมาอันไหนเอาไปใช้ได้หรือไม่ได้ถ้า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่าเอามาใช้ได้ ก็อาจเอาไปใส่ไว้ในร่างรธน.ฉบับใหม่นั่นเอง

เบื้องต้น คสช.เคาะมาแล้วว่าจะให้เวลา กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาปฏิรูปประเทศทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 10 เดือนหลังสภาปฏิรูปแห่งชาติเริ่มทำหน้าที่ ที่ประเมินแล้วก็น่าจะไม่เกินช่วงกันยายน 58 รัฐธรรมนูญปี 58 ก็น่าจะคลอดออกมาได้

จากนั้นพอได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว เข้าสู่โรมแมประยะที่ 3 ของ คสช. คือช่วง คสช.ใกล้หมดอำนาจ เพราะพอรัฐธรรมนูญคลอดมาเดือนกันยายน 58 คสช.ก็จะอยู่อีกประมาณ 3 เดือน ก็คือช่วงตุลาคม-ธันวาคม 58 เพื่อทำภารกิจหลักคือจัดเลือกตั้ง ส.ส.ภายใต้กติการัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปี 58 จากนั้นพอได้รัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งที่ก็จะตกอยู่ในช่วงปลายปี คือไม่เกินธันวาคม 58 คสช.ก็รูดม่านสลายตัวเอง ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวยังไม่คลอดออกมา แต่จนถึงขณะนี้ กระแสข่าวหลายทิศทางเริ่มทำให้เห็นความชัดเจนอีกหลายส่วนถึงหลักการสำคัญที่จะอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวดังกล่าว

เช่นเบื้องต้นร่างที่จะส่งให้ คสช.มีกระแสข่าวหลายกระแส บอกทำนองเดียวกันว่าแนวโน้มจะออกมาว่าจะให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากเป็นไปตามนี้ก็ถือเป็นการสร้างธรรมเนียมใหม่ที่ผู้นำรัฐประหารจะไม่ได้เป็นคนตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเองแต่ให้เป็นอำนาจของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีข่าวว่าจะให้ประธาน สนช.เป็นคนนำชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่จะให้ สนช.โหวตเลือกใครเป็นนายกฯ เชื่อได้ว่าในชั้นการโหวต สนช.ก็ต้องโหวตเลือกตามที่ คสช.กดปุ่มส่งชื่อมาจะไม่มีการแหกโผแน่นอน

เพราะ สนช.ก็มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้วตามข่าวเรียกว่าร้อยละ 70 ของสัดส่วน สนช.จะมาจากข้าราชการประจำในเวลานี้และอดีตข้าราชการระดับสูง ล้วนเป็นคนที่ คสช.เลือกมาทั้งสิ้นจึงรับประกันได้ว่า ตอนโหวตคะแนนเสียงเลือกนายกฯ น่าจะเอกฉันท์ด้วยซ้ำ!

ดังนั้น การให้ สนช.โหวตเลือกนายกฯไม่เอาแบบให้ หัวหน้า คสช.เป็นคนทูลเกล้าฯ ชื่อนายกฯ มองอีกทางหนึ่งหาก คสช.เอาตามนี้ ก็เท่ากับจะเป็นการสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กับคนที่จะมาเป็นนายกฯนั่นเอง และหากเป็นไปตามสูตรนี้ อาจเป็นไปได้ที่นายกฯ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง

เพราะคงไม่ต้องการให้เกิดกรณีหัวหน้า คสช.เสนอชื่อตัวเอง เป็นนายกฯ ก็เลยต้องยืมมือ สนช.มาเลือก ตัวเองเป็นนายกฯนั่นเอง

แต่ที่ยังคลุมเคลืออยู่ก็คือ ประเด็นเรื่องการทำประชามติ เพราะเดิมมีข่าวว่า คสช.ไม่ต้องการให้รัฐธรรมนูญชั่วคราวไปกำหนดว่าเมื่อสภาปฏิรูปประเทศเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วต้องจัดให้ประชาชนลงประชามติว่าจะเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่จะเขียนออกมาว่าพอผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้ว ก็จบเรื่องเลย นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ไม่ต้องการให้มีการทำประชามติอีก เพราะไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อม

เนื่องจากหากมีการทำประชามติจะต้องมีการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาทำประชามติ และให้ลงมติเห็นชอบอีกทั้งจะเป็นการเปิดเวทีให้แต่ละพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองเคลื่อนไหวการเมืองได้ทันทีโดยเฉพาะการรณรงค์ไม่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญของ คสช.ที่อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย จน คสช.อาจลงจากอำนาจได้ลำบากเลยจะปิดประตูเรื่องประชามติทิ้ง

กระนั้นก็เริ่มมีกระแสข่าวว่ามีความเห็นแย้งจากฝ่ายกฎหมายของ คสช.เสริมมาว่า ประเด็นนี้ต้องคิดให้รอบด้านเพราะการทำประชามติ จะเป็นเครื่องป้องกันสำคัญที่ทำให้ต่อไปการที่นักการเมืองจะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราหรือแก้ทั้งฉบับจะทำได้ยาก เพราะสามารถอ้างได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติมาแล้ว

อันจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองต่างๆ หลังเลือกตั้ง ที่อาจเห็นว่ารัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการโกงกิน-การใช้อำนาจรัฐทำชั่วเลยคิดจะแก้หลังเลือกตั้ง ก็ทำได้ยากแล้ว เหมือนกับตอนที่พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาแต่ก็ทำได้ยากเพราะโดนแรงต้านว่ามาแก้รัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติของประชาชนมาแล้ว

อย่างเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญก็หยิยบกเรื่องประชามติรัฐธรรมนูญปี 50 มาเป็นเหตุผลสำคัญในการวินิจฉัยคดีที่อดีต ส.ส.เพื่อไทยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ทั้งฉบับ ที่ศาลรัฐธรรมนูญก็ระบุไว้ในคำวินิจฉัยคำร้องคดีดังกล่าวไว้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติของประชาชนมาเลยเสนอแนะว่า หากเป็นไปได้ควรไปแก้เป็นรายมาตราจะดีกว่า

ประเด็นการทำประชามติ จึงมีข่าวว่ายังเป็นประเด็นใหญ่ที่ทีมงานยกร่างรัฐธรรมนูญยังเถียงกันไม่จบ แต่น่าจะได้ข้อยุติภายในสัปดาห์นี้ว่าจะเอายังไง รวมถึงประเด็นเรื่องการใส่อำนาจพิเศษหลายอย่างให้ คสช.เพื่อคุมการบริหารประเทศไว้ด้วยในร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว

เพื่อจะได้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงักไปหลังมีรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ก็ยังมีข่าวว่ามีข้อถกเถียงกันอยู่เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น