ทีมโฆษก คสช.โต้ผลักดันแรงงานต่างด้าวออกนอกไทย แจงยังไม่ดำเนินการ ห่วงกระทบธุรกิจ ชี้ “ฮุน เซน” นำรถมารอรับ ไม่เกี่ยวกัน สยบข่าวไล่ล่า รับหลายปีกว่าจะกลับเข้าไทยได้ รองอธิบดีจัดหางานแจงแรงงานกลับบ้านเกิดแยะตามบันทึก MOU และไปทำไร่นาช่วงหน้าฝน ไร้ข่าวเขมรสั่งเรียกกลับ ให้เอกชนบริหารดูพระนเรศวรฟรี หวั่นข้อครหาประชานิยม ไม่ชี้นำ จัดหนังกลางแปลงให้ตัดสินใจเอง
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวทหารผลักดันแรงงานต่างด้าวออกนอกประเทศว่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทหารยังคงให้ความสำคัญกับงานรักษาความสงบและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ยังไม่ได้มีการดำเนินการหรือมาตรการทางกฎหมายต่อแรงงานต่างด้าวเลย
พ.อ.วินธัยกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา ให้ทหารนำรถมารับแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยที่กำลังทะลักเข้าประเทศว่า คงไม่เกี่ยวกัน และคสช.ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องแรงงาน ยังเป็นห่วงด้วยซ้ำว่าจะไปตื่นกันจนเสียหายกับธุรกิจหรือเปล่า ทั้งนี้ เท่าที่มีการตรวจสอบไปยังผู้ประกอบการยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับที่แรงงานกลับประเทศ
“เราต้องสยบข่าวทหารไปไล่ล่าแรงงานต่างด้าวให้ได้ ส่วนหนึ่งคิดว่าน่าจะมาจากแรงงานตื่นตระหนกไปเอง เพราะคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาก็เป็นการไปคุมเรื่องนโยบายมากกว่า ไม่ได้ไปเดินไล่ล่า ซึ่งก็ต้องเร่งทำความเข้าใจว่าการจัดระเบียบคือการทำให้แรงงานเข้าถึงการทำงานได้ง่ายขึ้น มีที่มาที่ไป ฝ่ายความมั่นคงจะได้คุมได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แรงงานที่กลับประเทศไปแล้ว จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ก็คงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง อาจจะหลายปี
ด้านนายธนิช นุ่มน้อย รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่นำเข้าโดยถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 3 สัญชาติ ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชา โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. ประเภทที่มีหนังสือเดินทางถูกต้อง จำนวน 408,507 คน แรงงานชาวพม่า 111,492 คน แรงงานชาวลาว 55,342 คน และแรงงานชาวกัมพูชา 241,673 คน และ 2. ประเภทแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ จำนวน 1,824,508 คน แรงงานชาวพม่า 1,630,279 คน แรงงานชาวลาว 40,546 คน และแรงงานชาวกัมพูชา 153,683 คน ทั้งนี้ แรงงานต่างด้าวทั้งสองประเภทดังกล่าวมีบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับทั้ง 3 ประเทศว่าเมื่อทำงานครบ 4 ปี จะต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ซึ่งในปี 57 มีแรงงานชาวกัมพูชาที่ทำงานครบ 4 ปี แล้วจะต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางจำนวนกว่า 6.7 หมื่นคน โดยการเดินทางกลับอาจจะมีเพื่อนและญาติพี่น้องเดินกลับไปด้วย เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน แรงงานกัมพูชาเหล่านี้เองมีไร่นาจึงจะต้องกลับไปทำ จึงเป็นที่มาว่าทำไมแรงงานกัมพูชาจึงเดินทางกลับจำนวนมากในช่วงนี้
นายธนิชกล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาเรียกแรงงานกลับประเทศนั้น ทางราชการของไทยได้มีการติดต่อประสานงานกับกัมพูชาตลอด ยังไม่มีหนังสือแจ้งว่าจะเรียกของของเขากลับ และไม่มีข่าวด้วย ขณะเดียวกัน เรายังเจรจากันถึงเรื่องชายแดนว่าจะทำอย่างไรจะให้ชาวกัมพูชาที่เข้ามามีหนังสือเดินทางถูกต้อง
ขณะเดียวกัน พ.อ.วินธัยยังได้กล่าวถึงกิจกรรมชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอนยุทธหัตถี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จำนวน 160 โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งมีประชาชนไม่ได้รับชมจำนวนมากว่า สำหรับประชาชนที่ไม่รับสิทธิ์ชมภาพยนตร์เนื่องจากที่นั่งไม่เพียงพอนั้นต้องให้ทางผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์พิจารณา ตอนนี้น่าจะมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คสช.เป็นเพียงผู้สนับสนุน อยากให้ฝ่ายพลเรือนเป็นผู้ขับเคลื่อนในกิจกรรมดังกล่าวมากกว่า และยินดีอย่างยิ่งหากจะมีการเข้ามาสนับสนุน คสช.เองก็เกรงว่าจะมีการเข้าใจข้อมูลที่ผิดว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณประชานิยม
“กิจกรรมตรงนี้จึงอยากให้เป็นการบริหารโดยภาคเอกชน ส่วนที่มีการพูดกันว่าจะจัดเป็นภาพยนตร์กลางแปลงหรือไม่นั้น เชื่อว่าทางธุรกิจภาพยนตร์เองจะมีข้อสรุปในการหาทางออก เพื่อตอบรับเสียงเรียกร้องของประชาชนได้ คสช.ไปชี้นำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีผลประโยชน์อะไร” พ.อ.วินธัยกล่าว