“ยิ่งลักษณ์” ยื้อคดีอาญาทุจริตโครงการจำนำข้าว ส่งทนายยื่นคำร้อง ป.ป.ช.ขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 8 ปาก ขณะเดียวกันยังร้องขอให้ไต่สวนเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น อ้างเพื่อความเป็นธรรม พร้อมย้ำโครงการรับจำนำข้าวมีเจตนาดี หวังยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี วันนี้ (10 มิ.ย.) นายนรวิช หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา เพื่อขอยื่นสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมในคดีอาญาการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และคดีละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจนเกิดการทุจริตอีก 8 ปาก ประกอบด้วย 1. นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผอ.อสค. 2. นายประกอบ รัตนภักดี หน.กองธุรกิจข้าว ทำการแทน ผอ.อ.ต.ก. 3. นายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สศค. กระทรวงการคลัง 4. นายพชร อนันตศิลป์ รองประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล
5. นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหารบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด 6. นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี 7. นายถวิล พึ่งมา ประธานคณะทำงานพิจารณากำหนดกรอบคุณภาพและกลไกราคาตามสภาพข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลตามรายงานผลการดำเนินงานการคิดค่าเสื่อมสภาพราคาข้าว เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2553 ต่อรัฐมนตรีกระทรวงพานิชย์ และ 8. นายพิชัย ชุณหวชิระ นักบัญชีอิสระ
ขณะเดียวกันยังขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น คือ ไต่สวนฯเรื่องการคิดคำนวณเพื่อหักค่าเสื่อมสภาพข้าวในสต็อกข้าวรัฐบาล จำนวน 2.977 ล้านตันข้าวสาร ในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการโต้เถียงของ อคส. และ อ.ต.ก.ที่ยังไม่ได้บันทึกบัญชีของข้าวสารจำนวนดังกล่าว เพื่อยืนยันว่าไม่มีข้าวสูญหายจำเป็นต้องพิสูจน์หาข้อเท็จจริงให้เกิดความโปร่งใสในการไต่สวนฯ
นอกจากนี้ยังให้ไต่สวนฯพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการคิดค่าเสื่อมสภาพของข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกรัฐบาล ที่มีความเห็นต่างกันระหว่างคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวกับ สศค.เกี่ยวกับค่าเสียหาย และไต่สวนฯ เรื่องการประเมินความเสียหายของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว โดยมีส่วนต่างกันของตัวเลขเป็นเงินกว่า 172,933 ล้านบาท เนื่องจาก ป.ป.ช.ยังไม่มีความชัดเจนหรือได้ข้อยุติของตัวเลขความเสียหาย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขอความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช. เพราะเป็นการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวมีเจตนาดีและยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ