รักษาการ รมช.พาณิชย์ พอใจ ป.ป.ช. ที่ให้โอกาสรัฐบาลมาชี้แจง ยืนยันโครงการรับจำนำข้าวทำมาทุกรัฐบาล 1.5 หมื่นไม่เวอร์ อ้างนายกฯ ปราบโกงต่อเนื่อง ไม่ได้ละเว้น ยันเลิกจำนำข้าวไม่ได้ เพราะรัฐบาลหาเสียงไว้ ถ้าไม่ทำขัด รธน. อีกด้านเผยแจงตัวเลขขาดทุนเทคนิคที่ยาก ปิดปีต่อปีไม่ได้
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 13.30 น. นายยรรยง พวงราช รักษาการ รมช.พาณิชย์ ได้เข้าให้ถ้อยคำเป็นพยานในคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 16.30 น. นายยรรยง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาให้ข้อมูลเชิงลึกต่อ ป.ป.ช. และพอใจที่ ป.ป.ช.ให้โอกาสรัฐบาลมาชี้แจง เนื่องจากปัจจุบันมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อโครงการรับจำนำข้าว ตนทำโครงการรับจำนำข้าวมาทุกรัฐบาลตั้งแต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย มาจนถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยกเว้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ทำโครงการประกันราคา ทั้งนี้ ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวของน .ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่โครงการใหม่ แต่มีการดำเนินการต่อเนื่องมาทุกรัฐบาล เพียงแต่มีการปรับราคาจำนำให้สูงขึ้นมาเท่านั้น ส่วนประเด็นที่ ป.ป.ช. ได้สอบถามมี 2 ประเด็นหลัก คือ 1. ทำไมให้ราคาจำนำข้าวสูงถึง 1.5 หมื่นบาทต่อตัน และรับจำนำทุกเม็ด ซึ่งได้ชี้แจงว่าเพราะรายได้ครัวเรือนของชาวนาสูงขึ้น ต้นทุนในผลิต 8,000-9,000 บาท เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาให้ดีขึ้น คิดว่าประเด็นนี้ ป.ป.ช. มีความเข้าใจ ยืนยันว่าราคาจำนำ 1.5 หมื่นบาท ไม่ใช่ราคาที่สูงเกินไป ถ้าเป็นภาษาจิ๊กโก๋เรียกว่า “มันไม่เวอร์หรอก”
นายยรรยงกล่าวว่า และ 2. ทำไมนายกรัฐมนตรีละเลยเพิกเฉยไม่ระงับโครงการทั้งที่สังคมมองว่าทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ตนได้ชี้แจงว่านโยบายรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่รัฐบาลใช้หาเสียง ซึ่งเป็นสัญญาประชาคมหากรัฐบาลไม่ทำก็จะมีความผิดตามกฎหมาย นโยบายนี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 84(8) ที่กำหนดไว้ว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลมีหน้าที่ให้เกษตรกรมีรายได้สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และได้ชี้แจงว่ารัฐบาลพยายามป้องกันและติดตามตรวจสอบปราบปรามการทุจริต รวมทั้งตนได้อธิบายว่าการระงับโครงการทำไม่ได้เพราะอะไร และหากมีข้อบกพร่องจะดำเนินการอย่างไร โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีผู้เกี่ยวข้องและใช้งบประมาณจำนวนมาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ได้ดำเนินการป้องกัน ตรวจสอบ และปราบปรามทุจริตอย่างต่อเนื่องจึงไม่ได้ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เกิดความเสียหายตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด
นายยรรยงกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเลขการขาดทุนที่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรได้ระบุไว้นั้น ป.ป.ช. ได้สอบถาม ตนยืนยันไปว่าตัวเลขดังกล่าวยังไม่ยุติ ตัวเลขขาดทุนที่ น.ส.สุภาได้สรุปไว้นั้น อนุกรรมการฯดังกล่าว นายกรัฐมนตรีเป็นคนแต่งตั้ง เราตั้งข้อสังเกตว่าความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ มีจุดอ่อนอยู่มาก จึงขอโอกาสให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังเป็นผู้ชี้แจง ทั้งนี้หลักการปิดบัญชี และความเสียหายมีเท่าไร ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักบัญชีรัฐบาลต้องการนำนักบัญชีคือนายพิชัย ชุณหวชิร นายกสภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทยมาชี้แจง เนื่องจากการปิดบัญชีเป็นเรื่องเทคนิคที่ยาก จะปิดปีต่อปีไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการสรรหามีมติเลือก น.ส.สุภา เป็น ป.ป.ช. นั้น นายยรรยง กล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง ท่านจะได้รับบทบาทที่กว้างขึ้น และเป็นคนละส่วนกัน