ทนายพันธมิตรฯ ยื่นทวงถามศาลปกครองกลาง กรณียื่นฟ้อง ปตท.และคลัง เมื่อปี 54 จี้ทวงคืนมาเป็นสมบัติแผ่นดินเหมือนก่อนขายหุ้น ยันทำไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เปิดขายก่อนเวลาแถมนักการเมืองคว้าเพียบ เชื่อถ้าคลังได้คืนพลังงานถูกลงแน่ ด้าน ผอ.กลุ่มรับฟ้องฯ ยันเร่งอยู่ แต่อ้างมีคนร้องแทรกจึงต้องรอคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้รวมเป็นคดีเดียวหรือไม่
วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่สำนักงานศาลปกครอง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางผ่าน นายอลงกต ไผ่พูล ผู้อำนวยการกลุ่มรับฟ้องศาลปกครองกลาง ทวงถามความคืบหน้าคดีที่ อดีตแกนนำ พธม.โดยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ยื่นฟ้องบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เมื่อปี 54 กรณีขอให้ศาลพิพากษาให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการทวงคืน ปตท. กลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดินเหมือนก่อนที่จะมีการขายหุ้น ปตท.ทอดตลาด
โดยนายสุวัตรกล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องนี้เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 54 เนื่องจากเห็นว่าการเปิดขายหุ้นเพิ่มทุนของ ปตท.ในขณะนั้นจำนวน 750 ล้านหุ้น ทำไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ โดยพบว่ามีผู้ได้หุ้นไปก่อนเวลา 09.30 น.ซึ่งเป็นเวลาเปิดขายหุ้นถึง 863 ราย อีกทั้งยังมีผู้ได้รับหุ้นไปมากกว่า 1 ใบจองตามที่กำหนดไว้ถึง 428 ราย และจากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่ได้รับหุ้นไปส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง จึงเห็นว่าการขายหุ้นดังกล่าวน่าจะเป็นโมฆะ
โดยนับแต่ฟ้องคดีมีการดำเนินการตามขั้นตอนของศาลปกครอง คือ ให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และให้ฝ่ายผู้ร้องยื่นคำชี้แจงหักล้างคำแก้ข้อกล่าวหาของฝ่ายผู้ถูกร้องรวม 4 ขั้นตอนเสร็จสิ้นแล้ว โดยในการยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาที่ฝ่าย ปตท.ยื่นมายังศาลนั้นก็ยอมรับว่ามีการขายหุ้นก่อนเวลาเปิดขายจริง และมีผู้ได้รับหุ้นมากกว่า 1 ใบจองจริง แต่อ้างว่าเป็นการดำเนินการของธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะผู้ดำเนินการขายหุ้น ปตท.ไม่มีส่วนรู้เห็น ในเวลานั้นมีนายประวิตร บุญเทียม เป็นตุลาการเจ้าของสำนวนแต่ต่อมานายประวิตรได้ย้ายไปเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด จึงเปลี่ยนให้นายไชยเดช ตันติเวสส มาเป็นตุลาการเจ้าของสำนวนแทน จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวของคดีอีกเลยจนถึงขณะนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วจึงต้องมาติดตาม เพราะขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีนโยบายปฏิรูปพลังงาน ส่วนตัวเห็นว่าหากศาลปกครองเร่งรัดและมีคำวินิจฉัยในคดีนี้ก็จะถือเป็นการปฏิรูปพลังงานโดย คสช.ไม่ต้องทำอะไร
นายสุวัตรยังกล่าวอีกว่า หากศาลมีคำวินิจฉัยตามที่ขอก็จะทำให้การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ หุ้นทั้งหมดก็จะกลับมาเป็นของกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังต้องคืนเงิน 3 หมื่นกว่าล้านที่ได้จากการขายหุ้นให้กับผู้ที่ซื้อ จากนั้นรัฐก็ต้องคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ ปตท. เช่น การจัดสรรหุ้นให้ประชาชนอย่างเป็นธรรม หรือให้เป็นรัฐวิสาหกิจเช่นเดิม ซึ่งก็เชื่อว่าจะมีผลทำให้ราคาพลังงานถูกลงกว่าปัจจุบัน
ด้านนายอลงกตได้ชี้แจงว่า คณะตุลาการได้พยายามเร่งรัดคดีนี้อยู่แล้วเพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจโดยเมื่อผ่าน 4 ขั้นตอนแล้ว นายประมุท สูตบุตร ได้ร้องสอดขอเข้ามาเป็นผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกับ ปตท. และกระทรวงการคลัง แต่ศาลชั้นต้นไม่รับ นายประมุทก็ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด ทำให้องค์คณะต้องรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุดก่อน เพราะเมื่อคดีเป็นกรณีเดียวกันศาลก็จะรวมการพิจารณา หากศาลปกครองสูงสุดมีความเห็นยืนตามศาลปกครองชั้นต้น องค์คณะก็จะกำหนดวันสิ้นสุดการแสดงหาข้อเท็จจริงจากนั้นก็จะมีการกำหนดการพิจารณาคดีต่อไป แต่หากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้นายประมุทเป็นผู้ถูกร้องสอดก็จะต้องไปเริ่มเข้าสู่กระบวนการ 4 ขั้นตอนใหม่
