โฆษก ปชป.แนะ คสช.ทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ให้ยึดประโยชน์ชาติ แต่ไร้ระบบตรวจสอบอาจก่อปัญหา ขอให้คง ม.67 และเผยเลขลงทุนให้โปร่งใส ชี้สื่อทำเข้าใจผิดชู “ชัชชาติ” ชุบมือเปิบคิดรถไฟรางคู่ โบ้ย “มาร์ค” ค้านทั้งที่เป็นคนคิด จี้ทหารยุติป้ายสีทางการเมือง บี้ทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนพวกหมิ่น เชียร์ ป.ป.ช.สอบทรัพย์สิน รมต.เอี่ยวจำนำข้าว แนะสอบรวบยอด
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พรรคเห็นว่าเรื่องสำคัญคือการจัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หากใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยยึดประโยชน์ชาติ โดยไม่มีผลประโยชน์ใดมาแอบแฝงก็จะเป็นโอกาสดีที่จะมีการพัฒนาที่เหมาะสม แต่การไม่มีระบบตรวจสอบการจัดทำงบประมาณ รวมทั้งตัวเลขการลงทุน การประเมินผลกระทบด้านต่างๆ อาจทำให้เกิดปัญหาได้ จึงขอเรียกร้องให้มีการคงรัฐธรรมนูญมาตรา 67 คุ้มครองสิทธิชุมชนไว้ และขอให้เปิดเผยตัวเลขการลงทุนอย่างโปร่งใส เช่น รถไฟรางคู่ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์มีแผนทำรถไฟรางคู่ทั่วประเทศแต่รัฐบาลเพื่อไทยยกเลิกเพื่อนำไปใส่ใน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ทั้งที่สามารถทำได้ในระบบงบปกติ
ทั้งนี้ มีสื่อมวลชนไปขยายผลให้เกิดความเข้าใจผิดว่านายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม เป็นผู้คิดรถไฟรางคู่ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่อต้านจึงเป็นการให้ข้อมูลเท็จต่อสังคมไทย เพราะนายอภิสิทธิ์คือผู้สนับสนุนแผนรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ แต่รัฐบาลเพื่อไทยยกเลิกงบประมาณในส่วนนี้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทหารควรจะพิจารณาการให้ข่าวที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะรถไฟรางคู่จำเป็นและดำเนินการได้ทันทีตามระบบงบประมาณปกติ ขอเรียกร้องให้ยุติการใส่ร้ายทางการเมือง พรรคขอให้ทุกฝ่ายหยุดเอาการเมืองมาใส่ความแต่ร่วมพัฒนาประเทศในช่วงสถานการณ์พิเศษนี้
สำหรับการจัดการกับขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงนั้น แม้ว่า คสช.จะแสดงให้เห็นว่ามีการดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ยังมีหลายกรณีที่คนในขบวนการนี้หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ เช่น กัมพูชา และอังกฤษ ซึ่งทั้งสองประเทศมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนขอให้ คสช.ทำเรื่องขอตัวมาดำเนินคดีตามสนธิสัญญาดังกล่าว โดยเชื่อว่าน่าจะได้รับความร่วมมือเพราะทั้งสองประเทศมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะตรวจสอบทรัพย์สินรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว 5 คนนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า เป็นเรื่องดีแต่ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตอีกมาก จึงอยากให้มีการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และ คสช.ควรจะหาแนวทางแก้ปัญหาราคาข้าวในปัจจุบัน เพราะไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการดูแลข้าวฤดูกาลล่าสุด ซึ่งสามารถนำนโยบายประกันรายได้มาใช้เพื่อประกันรายได้ให้เกษตรกร ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลผลิตต่อไร่ คุณภาพข้าวไทย จัดระบบชลประทาน ทั้งนี้เห็นด้วยที่ คสช.จะมีการตรวจสอบโกดังข้าว เพราะจะได้ทราบปริมาณที่แท้จริง รวมถึงปัญหาสต๊อคลมที่มีการระบุว่าไม่มีข้าวสารในโกดังจริง 2.98 ล้านตัน มีเพียงแค่ตัวเลขในบัญชีเท่านั้น