หัวหน้าประชาธิปัตย์ชี้แผนปรองดอง คสช.เหมือนเริ่มจากล่างขึ้นบน หากสำเร็จก็จะดี ระบุขัดแย้งลดต้องใช้เวลา ห่วงงบปี 58 จัดการยังไง จี้เปิดข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบ พร้อมโชว์ใช้งบโครงการอดีต
วันนี้ (4 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแผนความปรองดองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ตอนนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียดแนวทางทั้งหมด แต่เท่าที่เห็นการเริ่มต้นดูเหมือนจะใช้วิธีจากล่างขึ้นบน โดยทำในส่วนย่อยก่อน หากประสบความสำเร็จก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากการลดความขัดแย้งในพื้นที่ได้ก็จะทำให้ความขัดแย้งในระดับชาติอาจจะลดลงได้ แต่ต้องใช้เวลา ต้องดูว่าจะมีแนวทางการดำเนินการอย่างไรต่อไป และหน่วยงานต่างๆ จะเข้ามามีส่วนร่วมอย่างไร ถือเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของ คสช. คือการทำให้บ้านเมืองสงบ โดยใช้กรอบเวลา 2-3 เดือน เพื่อทำเรื่องให้สงบนั้นจะมีปัญหาตามมา เพราะ คสช.ก็ต้องบริหารประเทศในรูปแบบการบริหารที่เราไม่คุ้นเคย ไม่มีการแยกฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารเป็นเวลา 3 เดือน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณมากกว่า อยากให้ คสช.ทำความชัดเจนในกรณีงบประมาณปี 2558 ว่าจะทำอย่างไร เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากต้องจัดงบประมาณเกิน 2 ล้านล้านบาทขึ้นไป โดยไม่ทราบว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินภาษีของประชาชน อยากเห็นการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ เช่น มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูล ไม่ควรจะน้อยกว่าเอกสารที่เคยนำเสนอต่อรัฐสภาจะต้องมีการนำมาเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้และรับทราบด้วย มิเช่นนั้นจะกลายเป็นปัญหาความไม่โปร่งใสของประเทศ และจะถูกตั้งคำถามขึ้นมา ดังนั้นควรให้ความจำเป็นในรูปแบบการนำเสนอ รวมถึงการติดตามตรวจสอบงบประมาณเป็นเป็นพิเศษ ซึ่งจากคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช.ที่ระบุว่าจากวันนี้จนถึงสิ้นปีงบประมาณไม่มีสภาจะเข้ามาทำหน้าที่ ดังนั้นควรหาทางให้ผู้ที่มีความคิดความเห็นต่างๆ เสนอความเห็นไปที่ คสช.ได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เช่นในอดีตบางโครงการที่ประชาชนเห็นว่าดี แต่ถ้ามีการเตรียมโดยมีราคาแพงเกิน 20-30% ก็ควรมีการตรวจสอบโครงการดังกล่าว และอาจเสนอให้ลดงบประมาณลงซึ่งจะเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจนในการต่อสู้ต่อปัญหาคอร์รัปชันมากขึ้น ส่วนการติดตามการตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ คสช.มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมานั้น ตนอยากเสนอให้ดำเนินการเหมือนกรณีการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งที่มีการเปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ และวิธีการอื่นให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ รวมถึงความคืบหน้าเพื่อให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบ เพราะคณะกรรมการที่จะรายงานต่อหัวหน้า คสช.ไม่สามารถติดตามวงเงินและโครงการจำนวนมหาศาลนี้ได้ทั้งหมด
“ตอนที่เราเรียกร้องให้ทุกอย่างเข้าสู่ระบบงบประมาณปกติ เพราะมีการตรวจสอบ แต่วันนี้ เราไม่มีกระบวนการงบประมาณตามกระบวนการปกติ ดังนั้น คสช.ควรสร้างกระบวนการให้มีการตรวจสอบได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว