หัวหน้าประชาธิปัตย์ย้ำข้อเสนอไม่ขัด รธน. ชี้ไม่มีใครการันตีเลือกตั้งสำเร็จ ยันลาออกได้ไม่มีใครห้าม ถามทำไมต้องรอให้เกิดปมก่อน ระบุถ้าทำได้ปฏิรูปก็เดินได้ ชงรัฐบาลกลางต้องไม่มีนักการเมืองสองฝ่ายรับได้มีใจปฏิรูป ชู 3 ประเด็นประชามติ บอกหากตรา พ.ร.ฎ.เลือกตั้งสัปดาห์นี้เท่ากับ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ยอมรับข้อเสนอ
วันนี้ (5 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อเสนอแนวทางออกของประเทศของตนไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ หรือปฏิวัติเงียบ ซึ่งไม่มีใครกล้ายืนยันว่า เลือกตั้ง 20 ก.ค. หรือแม้จะเป็นเดือนอื่นแล้วจะสำเร็จ แม้แต่ทุกพรรคการเมืองที่ไปคุยกับ กกต. ก็ยอมรับว่าถ้าสภาพบ้านเมืองเป็นอย่างนี้การเลือกตั้งไม่สำเร็จ ต้องถามว่าระหว่างที่เดินไปเผชิญหน้ากันไป ไม่รู้จะไปจบที่ไหนเมื่อไหร่ กับการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ อันไหนที่จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยมากกว่ากัน
ส่วนที่อ้างว่านายกรัฐมนตรีจะต้องรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่ นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การลาออกถือเป็นเอกสิทธิ์ และการปรับคณะรัฐมนตรีก็เป็นอำนาจที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการได้ ไม่มีรัฐธรรมนูญตรงไหนห้าม ในอดีตนายวิษณุ เครืองาม ก็เคยลาออกจากรองนายกฯ รักษาการ และนายกรัฐมนตรียังเคยปรับรัฐมนตรีออก เพราะฉะนั้น คำพูดที่บอกว่าการให้ใครลาออกนี้เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นความจริง และตามระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็คือรัฐมนตรีคนหนึ่ง
“แม้นายกฯ จะไม่ยอมลาออกตอนนี้ แต่ถ้าศาลตัดสินให้รัฐธรรมนูญเขียนให้สรรหานายกฯ ภายใน 30 วันก็จะเกิดความขัดแย้งในการตีความ ทำไมเราต้องรอให้มันความขัดแย้งในการตีความ มีการปลุกระดม ถ้ารัฐบาลเดินตามแผนที่ผมเสนอ กปปส.ยอมรับแผนนี้ ทุกอย่างก็ไม่ต้องมาขัดแย้งกัน แล้วรัฐบาลก็จะได้รู้ว่าอีก 5 เดือน 6 เดือนมีการเลือกตั้งที่มีความเรียบร้อย ขณะเดียวกันนั้นกระบวนการปฏิรูปก็เดินได้ทันที ด้วยการมีสภาปฏิรูป รัฐบาลคนกลาง แม้จะแก้กฎหมายไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ก็เตรียมข้อเสนอไว้ ขณะเดียวกันกระบวนการประชามติก็จะเริ่มขึ้น ให้ประชาชนให้ความสนับสนุนการปฏิรูป แล้วกระบวนการประชามติ ก็เป็นกระบวนการที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดกระบวนการหนึ่ง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ หยิบรัฐธรรมนูญแค่ท่อนใดท่อนหนึ่งมา ใครทำก็ขัดทั้งนั้น เราต้องเทียบเคียงตามเจตนารมณ์ที่จะนำกระบวนการนี้กลับเข้าสู่การเดินตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย เพราะว่าสิ่งที่ตนเรียกร้อง หรือกำหนดแผนนี้เป็นความสมัครใจไม่มีใครไปบังคับใคร ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความสงบของบ้านเมือง
ส่วนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประธานวุฒิสภาต้องไปพิจารณาแนวทางวิธีการสรรหาที่เหมาะสม แต่สำหรับตนได้กำหนด คุณสมบัติหลักๆ คือ รัฐบาลคนกลางต้องไม่มีนักการเมือง พรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยให้เป็นเอกสิทธิ์ของประธานวุฒิสภาในการสรรหา โดยให้ทั้งสองฝ่ายรับได้ และเป็นคนที่มีใจกับการปฏิรูป
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับการทำประชามติมี 3 ประเด็น คือ 1. สภาปฏิรูปจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ที่จะมาทำหน้าที่ในการชงข้อเสนอต่างๆ ให้กับสภาผู้แทนฯ ชุดต่อไป 2. การปฏิรูปอาจจะระบุไปเลยว่า อย่างน้อยต้องทำเรื่องอะไร เช่น คอร์รัปชัน การเลือกตั้ง การเมือง และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ และ 3. ให้สภาปฏิรูป เป็นผู้นำเสนอให้สภาชุดต่อไปสานต่อ ถ้าประชาชนเห็นชอบ จะเป็นการสร้างความชอบธรรมในทางประชาธิปไตย ให้กับตัวสภาปฏิรูป ให้กับประเด็นที่จะปฏิรูป และรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง โดยทุกพรรคการเมือง ต้องช่วยกันรณรงค์การทำประชามติ เดินทางไปทั่วประเทศซึ่งจะเป็นการปูทางให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคเพื่อไทยสามารถไปทำกิจกรรมภาคใต้ พวกตนก็ไปเหนือ ไปอีสาน กกต.ก็ไปได้ทุกที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ลาออก ศาลจะต้องจำหน่ายคดีออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตามมาตรฐานคำวินิจฉัยในอดีต พอไม่อยู่ในตำแหน่งแล้ว ศาลก็จะไม่วินิจฉัยประเด็นคุณสมบัติ คดีของตนที่พอพ้นจาก ส.ส.ก็มีการจำหน่ายคดี อย่างไรก็ตาม หากในสัปดาห์นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งก็คงจะแสดงชัดว่าไม่ยอมรับข้อเสนอของตน แม้จะมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาได้ แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจน แต่หากศาลตัดสินแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจากตำแหน่งไป เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็กังวลว่าอาจจะสาย หากเกิดมีปัญหาการตีความว่าจะต้องดำเนินการกันอย่างไรต่อไป และเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น