“ไพศาล พืชมงคล” แฉแผนเจรจา หลังเลือกตั้ง ให้ “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ 1 ปี ชี้ “ทักษิณ” พอใจ ดีกว่าโดนทหารปฏิวัติ หรือเสนอนายกฯ มาตรา 7 อาจได้คนตงฉินควบคุมไม่ได้ ขณะ ปชป. เป็นรัฐบาล 3 ปี ระบอบทักษิณไม่สะเทือนแถมได้ประโยชน์ แนะจับตา 10 วัน หากตกลงกันได้ศาล รธน. ยกฟ้อง
นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางเอเอสทีวี วันนี้ (26 เม.ย.) ถึงความพยายามของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในการเป็นตัวกลางการเจรจาระหว่างฝ่ายต่างๆ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งว่า เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าถ้าเลือกตั้งแล้วตัวเองจะได้เสียงมากขึ้น และอาจมีใครผสมโรงเอาพรรคมาร่วมตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นการคิดที่ผิด และมืดบอด
การไปที่ช่อง 3 คุยกับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อวานนี้ ทั้งที่สถานีโทรทัศน์มีเป็นสิบช่อง เมื่อไปแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ขานรับ คนเสื้อแดงก็ขานรับกันใหญ่ ทำให้มีข้อสงสัยว่ามีการเจรจากันมาก่อนหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์จะไม่มีแผ่นดินอยู่ไปอีกคนหนึ่ง
นายไพศาล กล่าวต่อว่า การที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาพูดเมื่อคืนนี้ต้องใจประชาชนมาก เป็นการเตือน ถ้านายอภิสิทธิ์หรือพรรคประชาธิปัตย์ได้ยึดถือพุทธวจนะที่ว่า คนเราถ้ายังมีใครคอยเตือนอยู่เป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ ก็จะได้รับอานิสงส์ผลบุญจากคำเตือนอันนี้ ประชาชนในเว็บไซต์ด่านนายอภสิทธิ์ ด่าพรรคประชาธิปัตย์มโหฬารเลย เป็นการประเมินผิด ตนเขียนในเฟซบุ๊กเมื่อเช้าบอกว่า ปลากินเบ็ดติดเหยื่อเพราะความหิว พวกนักการเมือง พวกข้าราชการ พวกหัวโจกแดงที่ยอมตัวเป็นขี้ข้าเพราะความโลภ ระบอบทักษิณมาถึงกาลวายวอดก็เพราะหลงติดยึดในอำนาจ หลงผิดคิดว่าประเทศไทยเป็นของตัวเอง จะยึดเอาได้ ลืมไปว่าแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครจะยึดครองเป็นของตนได้
นายไพศาลกล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ อาจตกไปในบ่อขึ้ ก็เพราะหลงว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วจะชนะกลับเข้ามามีอำนาจอีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เป็นการเก็งผิด ถ้านายคิดว่ากำลังของ กปปส.และการต่อสู้ของภาคประชาชนกำลังอ่อนตัวลงแล้ว นั่นคิดผิด ทำไมไม่มองให้เห็นว่า เอาเฉพาะพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ออกมาต้อนรับนายสุเทพก็เอิกเกริกยิ่งกว่าครั้งใด ไม่เคยปรากฏมาก่อน นี่เป็นบางส่วน แค่พนักงานรัฐวิสาหกิจก็พอจะล้มรัฐบาลได้แล้ว เพราะรัฐบาลผิดกฎหมาย ส่วนข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุขปักหลักระดมพลทั่วประเทศครั้งใหญ่ และวันนี้แทบทุกกระทรวงแล้ว ข้าราชการทุกกระทรวงรวมตัวกัน
วันนี้การนำของ กปปส.ก็เป็นการนำประชาชนที่มีกำลังมากที่สุด เป็นศูนย์รวมความสามัคคีที่นำการต่อสู้มาถึงวันนี้ได้ก็ไม่ธรรมดา เมื่อคืน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ประกาศสนับสนุนยืนยันให้กำลังใจเต็มที่ เพราะฉะนั้น พี่น้องประชาชนทั้งหลายอย่าไปหลงลมง่ายๆ มีคนบอกว่านายสนธิด่านายสุเทพ บังเอิญตนไม่ได้ฟัง แต่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยืนยันว่านายสนธิให้กำลังใจสนับสนุนนายสุเทพเต็มที่ กลายเป็นอย่างนั้นไป
ในวันนี้ กปปส. ก็ยังนำการต่อสู้ของพีน้องประชาชนและสร้างแนวร่วมได้มากมาย เป็นข้อดีของนายสุเทพ ที่สร้างแนวร่วมได้มาก ไม่เป็นศัตรูกับทหาร ใครจะด่าจะว่าก็มักไม่ตอบโต้ ยังคงมุ่งเป้าไปที่ระบอบทักษิณอย่างเดียว แน่นอนคนที่ต่อสู้มา 6 เดือน มันต้องมีผิดบ้างถูกบ้าง แต่ต้องดูว่าด้านหลักถูกหรือผิด วันนี้เกมมันมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว การที่จะบ่อนทำลายกัน ลากไปสู่การเจรจา จึงต้องด้วยกลยุทธ์พิชัยสงคราม นี่แหละคือกลวิธีพักกำลังเพื่อเตรียมการใหญ่อีกครั้งหนึ่ง พอตั้งหลักได้เท่านั้นหละ พังหมดทั้งประเทศเลย
นายไพศาล กล่าวอีกว่า มีการเจรจากันเพื่อที่จะให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แล้วมีคนเอาแผนงานไปเสนอผู้ใหญ่คนหนึ่ง เพื่อว่าเมื่อเป็นนายกฯ แล้วจะทำอะไร นี่จึงเป็นที่มาของการเจรจา สำหรับระบอบทักษิณ การที่มีนายอภสิทธิ์เป็นนายกฯ ดีกว่าถูกทหารปฏิวัติ ดีกว่าให้มีการนำความกราบบังคมทูลฯ เสนอชื่อนายกฯ ตามมาตรา 7 ซึ่งอาจเป็นคนตงฉินของแผ่นดินเข้ามา แต่ถ้านายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ระบอบทักษิณไม่กระเทือน ตนไม่ได้พูดอย่างเลื่อนลอย ตลอด 3 ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ต่อจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมัคร สุนทรเวช ระบอบทักษิณไม่อะไรกระเทือนหรือไม่ มีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ขณะที่บอกประชาชนว่าจะถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณถูกตามจับกุมหรือไม่ ไม่ตาม บอกประชาชนว่ากำลังติดต่อตำรวจสากล ออกไปเดินสายกันทั่ว เอาเงินแผ่นดินไปจับจ่ายใช้สอยแหกตาประชาชน เมื่อพ้นวาระแล้วจึงรู้ว่าไม่ได้ดำเนินการใดๆ สักเรื่องเดียว ได้ข่าวว่ามีคนได้ประโยชน์ด้วย จากการไม่ทำสองเรื่องนี้ รวมทั้งกรณีนายวีระ สมความคิด ที่ถูกหลอกไปให้เขมรจับบนดินแดนไทย แล้วใครมาบอกว่าตรงนั้นเป็นดินแดนเขมร พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อสู้มาตั้งนาน ถูกใครจับเป็นผู้ก่อการร้ายทั้งกระบวน แล้วระบอบทักษิณกระเทือนอะไรบ้าง คนเสื้อแดงที่เป็นผู้ก่อการร้ายฆ่าทหาร ใครไปประกันตัวออกมา แถมส่งรายชื่อทหารให้เขาจับ
เพราะฉะนั้นถ้านายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ อีกครั้ง ระบอบทักษิณจะได้ประโยชน์มากกว่าที่จะถูกปฏิวัติ หรือมีนายกฯ ตามมาตรา 7 เพราะไม่รู้เป็นใคร ถ้าไปเจอคนตงฉิน เป็นคนดีศรีแผ่นดินของบ้านเมืองขึ้นมา มันก็เสี่ยงต่อระบอบทักษิณ เพราะฉะนั้นถ้าเจรจากันให้คนอื่นเป็นนายกฯ สัก 1 ปี หลังจากนั้น ป.ป.ช. ก็ชี้มูลสัก 1 เรื่องก็ไปเหมือนกัน เขาบอกแล้วว่าเขาจะพัก 1 ปี ไม่ใช่พูดเฉยๆ มันมีการเตรียมการมามากมาย
นายไพศาล ยืนยันอีกว่า การเจราครั้งนี้ ซึ่งนายสนธิพูดไปแล้ว ตนมาโดยสารเอา และยืนยันว่ามีการเจรจาทำแผนถึงผู้ใหญ่แล้ว วันนี้เลยมีความมั่นใจขึ้นมา จึงไปออกช่อง 3 ตนฟันธงได้เลยว่า นายอภิสิทธิ์ จะเป็นนายกฯ ถ้าการเจรจาสำเร็จ เพราะทักษิณเห็นว่าดีกว่าคนอื่นเป็น หรือนายกฯ มาตรา 7 ก็เสี่ยง เกิดไปได้คนดีๆ ขึ้นมา พวกขี้โกงก็ผวา หนาวหมด หรือถ้ามาตรา 7 ไม่สำเร็จ เกิดปฏิวัติก็หนักเข้าไปอีก แผ่นดินไม่มีอยู่ เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธิ์จึงเหมาะที่สุดที่จะเป็นนายกฯ สมประโยชน์กันทุกฝ่าย และจะเนียนมาก ช่วง 3 ปีที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมาเห็นหรือยัง
หากถามว่า ใครจะมาเป็นคนกลาง นายไพศาลกล่าวว่า ตนเพิ่งไปงานเลี้ยงสังสรรของ สนช.มา ซึ่งมีอดีต สนช.ไปกันมาก ในงานนายมีชัย ฤชุพันธ์ (อดีตประธาน สนช.) ได้พูดว่า เดี๋ยวนี้คนเป็นนักกฎหมายรู้สึกสับสน เพราะรัฐบาลทำตัวเป็นอั้งยี่ หนังสือหนังหาไม่เป็นภาษาราชการ หนังสือที่รัฐบาลเขีัยนทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น แถลงการณ์เรื่องนั้นเรื่องนี้ เอาที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทมาเขียน การเป็นรัฐบาลไม่ได้แปลว่าจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ในรัฐธรรมนูญอะไรที่ทำไม่ได้มีเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่ว่ามีอำนาจแล้วทำได้ทุกอย่าง แต่พวกที่ปรึกษากฎหมายบริษัทมันคิดอย่างนั้น ถ้าเป็นเจ้าของบริษัททำอะไรก็ได้ นั่นมันบริษัท นี่มันเป็นประเทศ ฝั่งรัฐบาลทำตัวเองเป็นม็อบ แต่ฝั่งประชาชนผู้ชุมนุมทำตัวเป็นรัฐบาล ได้แต่ห่วงใย ห่วงหาอาทร ใครเดือดร้อนที่ไหนก็ไปช่วย ข้าราชการเดือดร้อนก็ไปช่วย ชาวนาเดือดร้อนก็ไปช่วย พูดจาก็มีหลักมีเกณฑ์ หลังจากนายมีชัยพูดเสร็จ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาพูดต่อ บอกว่า ในทางโหรศาสตร์ ตอนนี้มันมีจันทรคราสและสุริยคราส ก่อนคราสหรือหลังคราสภายใน 1 เดือนจะเกิดเหตุร้าย ขณะนี้ ก่อนคราสผ่านไปแล้ว หลังคราสภายใน 20 วันที่พูดเมื่อ 2 วันก่อน ก็อยู่ในช่วงที่อาจมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น เรื่องที่สองนายบวรศักดิ์บอกว่าได้ขึ้นไปทางเหนือ ไปเจอพระเกจิกาจารย์ใหญ่องค์หนึ่ง โดยไปกับนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นคนที่เคยมีข่าวว่าเป็นคนมาประสานเจรจา เมื่อไปกราบพระ คนก็ถามว่าบ้านเมืองไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป พระก็บอกว่า นายกฯ คนต่อไป จะมียศ ไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์ถูกถอดยศหรือยัง แต่จะเป็นนายกฯ อยู่ได้แค่ 39 วัน แสดงว่านายกฯ คนนี้จะต้องเป็นหุ่นแน่นอน ถัดจากนั้นคนที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไปคือนายวิษณุ จะเป็น 30 เดือน นายบวรศักดิ์บอกว่าพระท่านว่าอย่างนั้น ที่นายบวรศักดิ์เอามาเล่า จะฟังเพลินๆ ก็ได้ แต่ก็น่าสงสัยว่า นี่จะเชื่อมโยงกับการเจรจาที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่สำหรับในความคิดของตน นายกฯ คนต่อไป จะหลังจาก 39 วันหรืออะไรก็แล้วแต่ คือนายอภิสิทธิ์ แม้ว่าประชาชนบอกว่าไม่เอาการเลือกตั้ง แต่นี่เป็นแผนที่วางไว้ และเสนอแผนไปให้ผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม นายไพศาล กล่าวว่า ตามแผนนี้ ตนไม่คิดว่าเป็นไปได้ เพราะตนเชื่อในประชาชน
นายไพศาล กล่าวว่า ในการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน ผลการลงคะแนนเสียงวันนั้น มีประชาชนไม่ไปเลือกตั้ง 56% เป็นจำนวนคน 26 ล้านคน คนที่ไปเลือกตั้งมี 44% หรือ 14 ล้านคน ใน 14 ล้านคนนี้ แบ่งเป็น 3 พวก คือพวกที่ 1 มีจำนวน 2.5 ล้านคน ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้การเลือกตั้ง ด้วยการไปเขียนด่านักการเมืองทุกพรรคอย่างเดียว พวกนี้ถึงไปใช้สิทธิก็ถือว่าเป็นพวกไม่เอาการเลือกตั้ง แต่ไปใช้สิทธิเพื่อขอด่านักการเมือง พวกที่ 2 มี 3.3 ล้านคน ไปกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ โหวตโน หมายความว่าไม่เอานักการเมืองทุกพรรค รวม 2 กลุ่มนี้เข้าไปก็ 5.8 ล้าน เพราะฉะนั้นที่เหลือไปลงคะแนนจริงๆ 8.2 ล้านคน ลงให้ประมาณ 30 พรรค ซึ่ง กกต.ก็ยังไม่สามารถประกาศได้ว่าแต่ละพรรคได้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นใครอย่ามาโกหกหรือม่าตู่เอาง่ายๆ ว่า ประชาชนลุ้นการเลือกตั้ง 20 ล้าน ซึ่งไม่ใช่ เพราะฉะนั้นนี่เป็นประชามติในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นการพิสูจน์ว่า ประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นนักเลือกตั้งทั้งหลาย อย่าไปเพ้อฝัน คุณไม่มีวันฝ่าด่านนี้ไปได้ และ กกต.ต้องสำเหนียกเรื่องนี้ไว้ให้มาก
นายไพศาลกล่าวอีกว่า ตามแผนที่วางไว้ แม้การเลือกตั้งหลังการเจรจา พรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ได้เสียงข้างมาก ก็เป็นนายกฯ ได้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง อย่างที่เคยบอกว่าจะให้นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ แล้วพรรคชาติไทยพัฒนามีเสียงข้างมากได้ซะที่ไหน นี่เป็นวิธีการอันหนึ่งเพื่อให้เนียน คือให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มันเนียนกว่า ถ้ามีข้อตกลงลึกๆ ลับๆ นายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เคยไปออกช่อง 3 หรือเปล่า แล้วอยู่ๆ ได้ไปออก มันคืออะไร มันมีอาการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติอยู่ แต่อย่าคิดว่าจะหลอกประชาชนได้ ประชาชนก้าวหน้าแล้ว ผ่านการต่อสู้ระบอบทักษิณมา 10 ปีเต็ม เขาไม่มีทางยอมให้หลอก
นายอภิสิทธิ์ พูดคำว่า ไม่มีใครได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ก็เพราะเขาจะเป็นนายกฯ ประชาชนอย่าไปหวังว่าจะได้ทุกอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณก็อย่าหวังว่าจะได้ทุกอย่าง ตาอยู่จะมาจัดการให้ ส่วนเรื่องที่จะเกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ เอาไปหลอกเด็กเถอะ การปฏิรูปประเทศจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้โดยพรรคการเมืองและนักการเมือง ย้อนไป 80 ปีตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมานักการเมือสร้างอะไรสักอย่างบ้าง เรื่องแหล่งน้ำ เรื่องปรับปรุงดิน มันทำอะไรสักอย่างไหม มีแต่พระมหากษัตริย์ที่ทำให้ การปฏิรูปอะไรก็ไม่เคยเกิดขึ้น มีแต่กลไกที่อ้างว่าปฏิรูปแต่สร้างความฉิบหายให้ประเทศ เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง อย่างเช่น อ้างว่ากระจายอำนาจ ตั้ง อบต.ขึ้นมาทั่วประเทศ ทำไมไม่ตั้งเป็นเทศบาลตำบล ก็เพื่อตัวเองจะได้เป็นผู้อุปถัมภ์ ให้พวกนั้นต้องพึ่งพาอาศัย เป็นมือไม้ทางการเมือง เพราะฉะนั้นจึงอยากจะเรียนว่าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย 80 ปี พิสูจน์ชัดเจนว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองไม่สามารถที่จะปฏิรูปประเทศไทยได้ และเขาจะไม่ทำด้วย การปฏิรูปประเทศไทยเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทุกสิ่งทุกอย่างของการปฏิรูป การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ลอจิสติกส์ทั้งหลาย ทรงวางรากฐานการปฏิรูปไว้ให้ทั้งสิ้น และผู้ที่ทำลายก็คือพวกนักการเมืองทั้งหลายทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นประช่าชนไม่เชื่อแล้วว่านักการเมืองจะปฏิรูป เหมือนขี้จะกลายเป็นข้าวได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการเจรจา ที่เป็นการเอาขี้มาผสมข้าวอย่างละครึ่ง มันจะกินเข้าไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ ประชาชนต้องการข้าว แน่นอนไม่มีใครที่จะสามารถได้อะไรครบทุกสิ่ง แต่ถามว่าประเทศได้อะไร มีใครพูดถึงประเทศจะได้อะไรหรือไม่ วันนี้ประเทศชาติกำลังจะล่มจม พวกคุณก็ไม่พูถึงประเทศชาติ พุดถึงแต่ว่าพรรคนี้จะได้ส่วนหนึ่ง พรรคนั้นจะได้ส่วนหนึ่ง พุดกันอยู่แค่นี้
เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธิ์คิดอะไรลึกๆ ก็คิดถึงหัวประชาชนบ้างว่า ประชาชนเขาไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาแล้ว เขาต่อสู้ผ่านร้อนผ่านหนาว เสียสละมามากมายแล้ว ตาอยู่จะมาชุบมือเปิบแบบเดิมไม่ใช่วิสัยที่จะเป็นไปได้แล้ว อย่างน้อยถ้าเป็นนักประชาธิปไตยดังที่พูด จะเคารพไหม 56% ที่ไม่ไปเลือกตั้ง 44% ที่ไปก็ไปด่าแม่ 2.5 ล้านคน บอกไม่เอาพวกคุณ 3.3 ล้านคน ที่ไปเลือกจริงๆ เหลือเพียงแค่ 8.2 ล้านคน นายอภิสิทธิ์จะกระโจนลงไปตรงนี้ ใช่หรือไม่
นายไพศาล กล่าวว่า ทางออกต้องเอาปัญหาชาติเป็นตัวตั้งว่าจะแก้ปัญหาชาติอย่างไร นั่นคือภาระกิจที่ทุกคนต้องร่วมกัน ที่ขัดแย้งกันอยู่ทุกวันนี้ คือระบอบประชาธิปไตยที่อยู่ภายใต้ทักษิณคนเดียว จะเอาหรือไม่ ประชาธิปไตยที่ทักษิณสั่งรัฐบาล สั่งสภาได้หมด แต่งตั้งข้าราชการได้หมด จะเลือกมาได้กี่เสียงก็ฟังคนคนเดียว จะเลิกไหม อันที่สองจะเลือกตั้งได้มากี่เสียง แต่จะมาโกงชาติโกงแผ่นดินกันอย่างที่ผ่านมา เลิกได้ไหม อันที่สาม จะมาข่มดหงรังแกข้าราชการ สั่งย้ายอย่างหมูอย่างหมาทุกแห่ง จะส่งลูกจ้าง ลิ่วล้อ บริวาร ไปเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ แล้วโกงกันจนสิ้นเหนื้อประดาตัวอย่างการบินไทยเพื่อเอาไปเลหลังขายถูกๆ จะเอาต่อหรือไม่ 3 เรืองนี้เป็นเรื่องหลัก เรื่องอื่นที่อาจต่อรองได้ หนึ่ง จะยึดทรัพย์หรือไม่ยึดทรัพย์ จะนิรโทษกรรมหรือจะดำเนินคดีกันต่อแค่ไหน อันนี้อาจต่อรองได้
เมื่อดูการต่อรองที่นายอภิสิทธิ์พูดว่าไม่เกิน 10 วัน ก็เป็นช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน ซึ่งถ้าหากต่อรองกันได้ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะตัดสินยกฟ้อง ป.ป.ช.ก็อาจไปตรวจสอบโกดังข้าวอีก 5 ปี และคดีก็ขาดอายุความ ถ้าตกลงกันได้ เพราะฉะนั้นประชาชนต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญ จับตา ป.ป.ช.ว่า กำลังดำเนินไปในข้อตกลงนี้หรือไม่ ใน 10 วันที่มีการเจรจานี้