ไอเอ็มเอฟเตือนสหรัฐฯ เร่งขยายเพดานหนี้ เพื่อความเชื่อมั่นทาง ศก.

เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) ออกโรงเตือนสหรัฐฯ ควรกระชับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจด้วยการขยายเพดานหนี้เป็นการด่วน ขณะที่กำลังปรากฏเค้ารางแห่งการสู้รบรอบใหม่ในสภาคองเกรส ในประเด็นนี้ที่เคยทำให้อเมริกาเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้มาแล้ว

“มันมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะลดความไม่แน่นอนด้วยการขยายเพดานหนี้อย่างทันท่วงทีและในวิธีการที่ยั่งยืน” แกร์รี ไรซ์ โฆษกไอเอ็มเอฟกล่าว

“ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างของเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเป็นไปด้วยดี” ไรซ์ ชี้ไปที่การเติบโตและการจ้างงานที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงข้อตกลงงบประมาณใหม่ “ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ต้องการเห็นคือภาวะช็อคด้านความเชื่อมั่นซ้ำรอย อย่างเช่นกันการโต้เถียงที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับกรณีที่ว่าสหรัฐฯ จะเคารพต่อพันธะหนี้หรือไม่”

แม้คาดหมายว่ายอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ในปีงบประมาณนี้จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.14 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี แต่กระทรวงการคลังจะไม่สามารถเริ่มขยายเพดานหนี้ได้ทันเส้นตายในวันพรุ่งนี้ (7)

ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีคลัง จาค็อบ ลูว์ ของสหรัฐฯ ออกโรงเตือนคองเกรสเมื่อวันจันทร์ (3 ก.พ.) อย่ามัวยื่นเงื่อนไขต่อรองให้รัฐบาลตัดลดงบประมาณรายจ่าย แต่ควรเร่งตกลงกันให้ได้เพื่อขยายเพดานการก่อหนี้ เนื่องจากอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลกำลังจะหมดลงไปในวันศุกร์นี้ (7)

ขุนคลังแดนอินทรียังตั้งข้อสังเกตว่า การหมดอำนาจที่จะขยายเพดานการก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีกหลังจากวันที่ 7 นี้ จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับฤดูการจ่ายคืนภาษี ซึ่งจะทำให้เงินสดสุทธิของรัฐบาลไหลออก และความสามารถในการก่อหนี้ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งคงจะหมดลงไปภายในสิ้นเดือนนี้

ตามข้อกำหนดในกฎหมายที่ใช้บังคับฉบับปัจจุบัน เมื่อถึงเส้นตายวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ เพดานการกู้ยืมของรัฐบาลจะถูกจำกัดให้อยู่ที่จำนวนรวมที่กู้ยืมทั้งหมด ณ วันนั้น ห้ามขยับขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก และต้องหาทางกู้เงินด้วยวิธีต่างๆ เพื่อนำมาใช้จ่าย

รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ร้องขอให้ยกเลิกจำกัด หรือไม่ก็เพิ่มเพดานการกู้เงิน พร้อมเตือนว่าในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ กระทรวงการคลังอาจถูกบีบให้ต้องผิดพันธสัญญาจ่ายเงินต่างๆ ในนั้นรวมไปถึงหนี้ แต่ทางสมาชิกสภาของรีพับลิกันต้องการผูกโยงเงื่อนไขใหม่ๆ ในการใช้จ่ายของรัฐบาลต่อการผ่านกฎหมายใดๆ ที่จะนำไปสู่การขยายเพดานหนี้ในที่สุด