เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีคลัง จาค็อบ ลูว์ ของสหรัฐฯ ออกโรงเตือนคองเกรสเมื่อวันจันทร์ (3 ก.พ.) อย่ามัวยื่นเงื่อนไขต่อรองให้รัฐบาลตัดลดงบประมาณรายจ่าย แต่ควรเร่งตกลงกันให้ได้เพื่อขยายเพดานการก่อหนี้ เนื่องจากอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลกำลังจะหมดลงไปในวันศุกร์นี้ (7) อย่างไรก็ดี สื่ออเมริกันระบุว่า พวกนักลงทุนเชื่อสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันยังเข็ดขยาดจากการดันทุรังหนก่อนจนกลายเป็น “วิกฤตชัตดาวน์” รวมทั้งการที่ปีนี้ยังเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งกลางเทอม ดังนั้นจึงไม่น่าจะกล้าเสี่ยงขัดขวางการยืดเพดานการก่อหนี้ในครั้งนี้
ลูว์ ระบุในร่างสุนทรพน์ที่เขาเตรียมพูดต่อที่ประชุมของ “ไบพาร์ทิซัน โพลิซี เซนเตอร์” ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า รัฐสภาจำเป็นต้องลงมติขยายเพดานการกู้ยืมหนี้ของรัฐบาลทันที เนื่องจากอำนาจดังกล่าวกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่วัน ทำให้กระทรวงการคลังต้องริเริ่มมาตรการพิเศษเพื่อให้รัฐบาลมีเงินไปชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ
ขุนคลังแดนอินทรียังตั้งข้อสังเกตว่า การหมดอำนาจที่จะขยายเพดานการก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีกหลังจากวันที่ 7 นี้ จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับฤดูการจ่ายคืนภาษี ซึ่งจะทำให้เงินสดสุทธิของรัฐบาลไหลออก และความสามารถในการก่อหนี้ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งคงจะหมดลงไปภายในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดในกฎหมายที่ใช้บังคับฉบับปัจจุบัน เมื่อถึงเส้นตายวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ เพดานการกู้ยืมของรัฐบาลจะถูกจำกัดให้อยู่ที่จำนวนรวมที่กู้ยืมทั้งหมด ณ วันนั้น ห้ามขยับขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก และต้องหาทางกู้เงินด้วยวิธีต่างๆ เพื่อนำมาใช้จ่าย สำหรับยอดหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 17.3 ล้านล้านดอลลาร์
ลูว์แสดงความยินดีที่ก่อนหน้านี้รัฐสภาสามารถทำความตกลงกันได้ในเรื่องร่างงบประมาณ หลังจากที่เคยเกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองกระทั่งต้องปิดหน่วยงานมากมายของรัฐบาลหรือที่เรียกว่า วิกฤตชัตดาวน์ ถึง 16 วันเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
กระนั้น เขาเตือนว่า รัฐสภาไม่ควรรั้งรออนุมัติการขยายเพดานหนี้จนกระทั่งถึงนาทีสุดท้าย เนื่องจากจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศและสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการเงิน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การต่อสู้ในรัฐสภาในปีที่ผ่านมาฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ รวมทั้งยังทำให้นักลงทุนตั้งข้อสงสัยอย่างเปิดเผยว่า การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ บางประเภทเป็นการลงทุนที่เสี่ยงเกินไปหรือไม่
รัฐมนตรีคลังยังวิจารณ์สมาชิกรัฐสภาบางคน ที่พยายามตั้งเงื่อนไขให้รัฐบาลลดการใช้จ่ายแลกกับการขยายเพดานการก่อหนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่า การขยายเพดานการก่อหนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายใหม่ๆ แต่เป็นภาระหน้าที่ในการชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้วและถึงกำหนดชำระ เช่น เงินเดือนข้าราชการ สวัสดิการรักษาพยาบาล หรือกระทั่งเงินที่ต้องจ่ายให้กับผู้รับเหมารับจ้างที่ได้ทำสัญญาไว้กับรัฐ
ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษนิยมสุดโต่ง “ที ปาร์ตี้” ยังกำลังครุ่นคิดผูกเงื่อนไขพ่วงท้ายการขยายเพดานหนี้เพื่อมุ่งลดยอดหนี้สาธารณะลงมา ขณะที่คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต ยืนกรานต่อต้านการพ่วงเงื่อนไขใดๆ
ลูว์ยังกดดันให้คองเกรสหลีกเลี่ยงการสร้างบาดแผลให้เศรษฐกิจของประเทศที่ก้าวเข้าสู่ปี 2014 อย่างมั่นคงโดยได้แรงส่งจากความแข็งแกร่งในไตรมาสส่งท้ายปีที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ปีนี้ควรเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ คองเกรสจึงควรลงมติขยายเพดานการก่อหนี้โดยไม่ต้องรั้งรออย่างไม่จำเป็น หรือแสดงทัศนคติทางการเมืองที่อาจลุกลามกลายเป็นวิกฤตการณ์ที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลหลีกเลี่ยง
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับประเด็นนี้ สื่ออเมริกันอย่างเช่น คริสเตียน ไชแอนซ์ มอนิเตอร์ รายงานว่า พวกนักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่า รัฐสภา โดยเฉพาะสมาชิกรีพับลิกันที่ยังไม่ลืมความพ่ายแพ้จากวิกฤตชัตดาวน์เดือนตุลาคม จะหมดความกระตือรือร้นในการลุกขึ้นมาเผชิญหน้าเพื่อขัดขวางการขยายเพดานหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ จะต้องมีการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งมีทั้งการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งสภา และวุฒิสมาชิกราว 1 ใน 3