xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ยันดำเนินการกลุ่มต้าน ชี้แผนที่วางไว้เร็วขึ้นหากลดขัดแย้ง เล็งผ่อนปรนคืนสู่ปกติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษก คสช.แจงดำเนินการตาม กม.กลุ่มต่อต้าน มีเบาะแสปลุกปั่น เข้มอาวุธสงคราม ผู้ไม่มารายงานต้องแจงลายลักษณ์อักษรให้พิจารณา ไม่หยุดเคลื่อนไหวเชิญซ้ำ ยันศาลทหารมีทนายแต่ศาลเดียวจบ ปัดคุยนิรโทษกรรม ปิด 14 ช่องกำลังพิจารณา แจงกรอบที่วางไม่ได้กำหนดเวลา ลดขัดแย้งได้ก็เร็วขึ้น แย้มผ่อนปรนให้กลับสู่ปกติ สร้างความเข้าใจต่างประเทศ เร่งแก้เหตุแผ่นดินไหว

วันนี้ (30 พ.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงถึงกรณีที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านการรัฐประหารว่า เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขั้นตอนการดำเนินการขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ และตามสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยจะเริ่มจากการเจรจาเป็นหลัก ส่วนข้อเน้นย้ำถึงบุคคลที่กระทำไม่เหมาะสมนั้นมีหลายฐานความผิด จึงขอวิงวอนให้ญาติพี่น้องเตือนและปรามไม่ให้ร่วมการชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน สำหรับกลุ่มที่มีเจตนาไม่หวังดีปลุกปั่นขณะนี้เจ้าหน้าที่เริ่มมีเบาะแสและจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเรื่องของอาวุธสงครามขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันและป้องปราบไม่ให้มีอาวุธสงครามซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหาเพิ่มขึ้น และจะต้องดำเนินการเช่นนี้ต่อไป

พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีผู้ที่ถูกเรียกรายงานตัวแต่มาไม่ได้ตามกำหนด ต้องทำเรื่องชี้แจงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงเหตุผลความจำเป็นให้ คสช.พิจารณา ส่วนเหตุผลจะฟังได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ คสช. ขณะที่นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ที่ถูกเรียกตัวตามคำสั่งของ คสช. แต่ได้แจ้งว่าติดภารกิจที่ต่างประเทศโดยมีเนื้อหาในหนังสือที่แจ้งมาว่าทหารมีความไม่ประสงค์ดีต่อตัวตัวเองนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตั้งแต่ 6 เดือนที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีเจตนาใช้ความรุนแรงใดๆ เจ้าหน้าที่ยึดตามกรอบกฎหมายเป็นหลัก ทันทีที่มามอบตัวก็มีการหารือทำความเข้าใจกัน ส่วนบุคคลที่ถูกปล่อยตัวแล้วโดนเฉพาะแกนนำ ทาง คสช.จะไม่เข้าไปติดตามพฤติกรรมอย่างที่เข้าใจกัน เพราะพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

“เมื่อบุคคลใดมารายงานตัวแล้วก็ถือว่ามีความไว้ใจซึ่งกันและกัน และเชื่อว่าทุกคนอยากให้ประเทศเกิดความสงบสุข แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งสั่งสมมานานหลายปี ไม่มีอะไรยืนยันว่าบุคคลที่ได้ออกจากการควบคุมตัวจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวอีก แต่หากมีข้อมูลหลักฐานว่าผู้ใดกลับไปมีบทบาทเคลื่อนไหวไม่ว่าในทางเปิดเผยหรือในทางลับ ก็สามารถเชิญตัวกลับมาควบคุมตัวและดำเนินคดีตามหลักฐานที่มีอยู่ทันที” พ.อ.วินธัยกล่าว

ส่วนกรณีที่องค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุถึงกรณีอำนาจของศาลทหาร การดำเนินคดีไม่สามารถมีทนายได้นั้น พ.อ.วินธัยชี้แจงว่า เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะศาลทหารมีการพิจารณาคดีจะไม่แตกต่างจากศาลพลเรือน แต่ความแตกต่างคือจะมีแค่ศาลเดียวเท่านั้นในช่วงภาวะไม่ปกติ ขณะที่จำเลยสามารถแต่งทนายได้ตามปกติ

สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวยืนยันว่า เรื่องการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่กระทำความผิดก่อนวันที่ 22 พ.ค.นั้นไม่ได้อยู่ในนโยบายของ คสช. และไม่เคยมีการพูดคุยกันแต่อย่างใด เนื่องจากนโยบายหลักจะมุ่งเน้นเรื่องของการสร้างความปรองดองก้วยกลไลของส่วนงานต่างๆ ส่วนการเปิดให้บริการของทีวีทั้ง 14 ช่องที่ คสช.ระงับการออกอากาศนั้นก็เนื่องมาจากทั้ง 14 ช่องมีส่วนในการขยายผลความขัดแย้ง ขณะนี้ คสช.อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนกรณีของสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นทีวีดิจิตอล แม้ว่าตามระเบียบของ กสทช.ระบุว่าห้ามงดการออกอากาศเกิน 30 วัน เพราะจะกระทบต่อลายเส้นการอนุญาตการออกอากาศ ทาง คสช.ได้ชี้แจงว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยยืนยันว่าไม่ได้มองในเรื่องของสี แต่มองการทำความเข้าใจต่อสถานการณ์บ้านเมืองมากกว่า

พ.อ.วินธัยกล่าวย้ำถึงขั้นตอนการดำเนินการของ คสช.ว่า สำหรับแผนการของ คสช.ที่กำหนดไว้ 3 ระยะนั้น ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาในแต่ละขั้นไว้ แต่หากการดำเนินการในระยะที่ 1 ในส่วนของการสร้างบรรยากาศลดความขัดแย้งในสังคมลงได้ ก็จะสามารถเข้าสู่การดำเนินการในระยะที่ 2 ได้โดยเร็ว ซึ่งในช่วงดังกล่าวจะมีการตั้งสภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติ รวมไปถึงนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ซึ่ง คสช.จะพิจารณาแต่งตั้งตัวบุคคลต่างๆ โดยผ่านการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่เดินหน้าเรื่องการปฏิรูปประเทศ ก่อนนำไปสู่การดำเนินการในระยะที่ 3 ในส่วนของเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ผ่านการเลือกตั้งต่อไป

“ระหว่างนี้จึงไม่อยากให้สังคมหรือภาคส่วนต่างๆ มาเร่งรัดในเรื่องการทำงานใดๆ ของ คสช. เพราะสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การทำงานของ คสช.ในแต่ละระยะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ และสามารถก้าวต่อไปยังระยะถัดไปหรือยัง” พ.อ.วินธัยระบุ

ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช.กล่าวถึงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ประชาชนจับตามองและให้ความร่วมมือกับ คสช.เป็นอย่างมาก ซึ่ง คสช.ตระหนักในเรื่องผลกระทบ และทราบดีว่าบางประกาศและคำสั่งกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และผู้ประกอบการ ขณะนี้ คสช.กำลังพิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อให้วิถีการดำเนินชีวิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด ส่วนการสร้างความเข้าใจต่อต่างประเทศนั้น คสช.ได้เดินหน้าใช้กลไกหลักให้กระทรวงต่างประเทศทำความเข้าใจผ่านสถานทูตต่างๆ ให้เป็นไปในทางที่ดีที่สุด

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ยังกล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะความเดือดร้อนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่ภาคเหนือว่า คสช.ได้เข้าใจ และตระหนักถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูผลกระทบ และเร่งในเรื่องของการแจ้งเตือน เร่งรัดแผนงานฟื้นฟู เยียวยาเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งมีหลายหน่วยงานในการเข้าไปเร่งรัดดำเนินการอย่างเร็วที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น