xs
xsm
sm
md
lg

โคตรโกงจำนำข้าว ต้องฟันทั้งอาญา-แพ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สะเก็ดไฟ

ารเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลขาดทุนจำนำข้าวในตัวเลขกว่า 5 แสนล้านบาท ที่อ้างรายงานจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเลขที่เกินความคาดหมาย เพราะมีการประเมินมานานแล้วว่าการขาดทุนจะสูงปีละประมาณ 2.6 แสนล้าน ดำเนินการไปแล้วสองปีก็จะสร้างความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 5.2 แสนล้านบาท ตรงกับตัวเลขล่าสุดที่มีการอ้างอิงผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ

ตัวเลขกว่า 5 แสนล้านบาท แม้จะไม่ได้ทำให้คนที่ติดตามความหายนะจากโครงการจำนำข้าวมาตั้งแต่ต้นรู้สึกตื่นเต้น แต่น่าจะทำให้คนในตระกูลชินวัตรและบรรดาขี้ข้าทั้งหลายเกิดอาการตื่นตูมจนขวัญหนีดีฝ่อได้ เพราะในยามที่มีอำนาจพยายามที่จะปกปิด ตกแต่งตัวเลขขาดทุนมาโดยตลอดไม่ยอมรับว่าทำฉิบหายไว้ถึง 1 ใน 4 ของงบประมาณแผ่นดินทั้งปี

ถึงขนาดมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธานอนุกรรมการปิดบัญชีฯ จาก สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันไปดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.มาเป็นคนที่คิดว่าจะบงการได้คือ กุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการการกระทรวงการคลัง แต่ที่ไหนได้ทันทีที่อำนาจหมดก็ไม่มีอะไรมาคุ้มกะลาหัว ความจริงจึงถูกเปิดโปงออกมาประจานความเลวระยำของพวกกินเมือง

สิ่งที่ คสช.ต้องเร่งดำเนินการ คือ สร้างความโปร่งใสให้เกิดการตรวจสอบอย่างจริงจังในโครงการจำนำข้าวที่มีความผิดในเกือบทุกขั้นตอนออกมาแจกแจงให้ประชาชนได้เห็น ดังนี้

1. ครม.มีมติอนุมัตเงินกู้ 5 แสนล้านบาทเพื่อดำเนินโครงการจำนำข้าว โดยหวังว่าจะเป็นเงินหมุนเวียนตลอดโครงการ แต่ปรากฏว่าทำได้แค่ปีเดียวก็ใช้เงินเกินไปกว่าแสนล้านบาท ปรากฏในผลการตรวจสอบของอนุกรรมการปิดบัญชีชุดที่สุภาเป็นประธาน ระบุการใช้เงินในโครงการนี้จนถึง พ.ค. 56 สูงถึง 6.5 แสนล้าน เกินกรอบวงเงินที่กำหนดไว้ถึง 1.5 แสนล้านบาท

สิ่งที่ต้องทำให้เกิดความกระจ่าง คือ จำนวนเงินที่ใช้ในโครงการนี้ทั้งหมดเป็นวงเงินเท่าไหร่กันแน่ ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฏน่าจะเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 7 แสนล้านบาท ใครต้องรับผิดชอบกับการกระทำละเมิดมติ ครม.ที่ใช้เงินเกินกว่าที่กำหนด โดยไม่มีการทบทวนความเสียหายของโครงการที่เกิดขึ้น

2. ความเสียหายที่ทำให้เกิดผลขาดทุนสูงกว่า 5 แสนล้านบาทนั้น เกิดจากปัจจัยใดบ้าง นอกเหนือไปจากการรับจำนำสูงกว่าราคาตลาด มีการรั่วไหลในขั้นตอนการจัดเก็บ การระบายข้าว อย่างไร และใครต้องรับผิดชอบ

3. การที่ ครม.รักษาการของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขายข้าวในราคาเพียงตันละ 8 พันบาท ทำให้เกิดผลขาดทุนถึง 1.5 หมื่นบาทต่อตันนั้น มียอดความเสียหายจากการเร่งระบายข้าวในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการเท่าไหร่ และการระบายข้าวช่วงก่อนการยุบสภารัฐบาลยิ่งลักษณ์จำหน่ายข้าวในราคาใด เพราะไม่เคยมีการเปิดเผยโดยอ้างว่าเป็นความลับมาโดยตลอด

4. การระบายข้าวในราคาเพียงแค่ 8 พันบาทต่อตันนั้น เคยมีการเปิดข้อมูลจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีการสมคบคิดกับเอกชนที่ใกล้ชิดรัฐบาลซื้อข้าวในราคาต่ำไปจำหน่ายในราคาสูง และยังเป็นการกดราคาตลาดให้ตกต่ำ จนทำให้ชาวนาขายข้าวได้เพียงตันละ 5 พันบาทเท่านั้น เป็นเรื่องที่ คสช.ควรจะทำให้เกิดความกระจ่างด้านข้อมูลเพื่อให้เห็นถึงความผิดพลาดที่พันกันเป็นงูกินหางของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่การเร่งระบายข้าวจนไปกดราคาตลาดซ้ำเติมความเดือดร้อนของชาวนา แถมยังระยำหาแดกในระหว่างที่ชาวนาอดอยากอีกด้วย

5. ปัญหาข้าวสารที่หายจากสต๊อกประมาณ 2.8 ล้านตัน ซึ่งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ชุดปัจจุบันระบุว่า เป็นตัวเลขลมไม่มีข้าวอยู่จริง มีแต่การลงไว้ในบัญชีเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งปมที่ต้องคลายออกมาให้ประชาชนเห็น เพราะเรื่องนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งแต่หัวยันหางโกหกประชาชนมาโดยตลอด

ยิ่งลักษณ์เคยโพสต์เฟซบุ๊กยืนยันก่อนกระเด็นจากตำแหน่งไว้ว่า “อนุกรรมการปิดบัญชีฯ (หมายถึงชุดสุภา) ไม่ได้นำข้าวที่อยู่ในครอบครองขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 2.977 ล้านตันข้าวสาร มารวมคำนวณทางบัญชี โดยอ้างว่าสูญหายนั้น ความจริงแล้วมิได้สูญหายจึงต้องนับว่าสต๊อคนั้นมีอยู่ การไม่นำมารวมคำนวณจึงเป็นการไม่ถูกต้อง และไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าข้าวดังกล่าวสูญหาย ดังนั้นการตรวจสอบสต๊อกให้ถูกย่อมเป็นภารกิจที่สำคัญ”

เมื่อการตรวจสอบของอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวประธานมากับมือ สรุปแล้วว่า ตัวเลขข้าวดังกล่าวไม่มีจริงแต่เป็นการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อเพิ่มมูลค่าข้าวในสต๊อก หวังตบตาตัวเลขขาดทุนในโครงการนี้ ก็ยิ่งมัดว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้กลไกรัฐจัดทำเอกสารเท็จ

ประเด็นต่อเนื่องจากเรื่องนี้คือตัวเลขลมที่ปรากฏในบัญชีนั้นเป็นตัวเลขรวมที่มีการเทงบประมาณไปดำเนินโครงการนี้ด้วยหรือไม่ เพราะหากตัวเลขดังกล่าวไม่มีข้าวแต่ต้องจ่ายเงินไปก็เท่ากับว่ามีความเสียหายถึง 64,400 ล้านบาท หากคิดที่ตัวเลขข้าวสารในปริมาณ 2.8 ล้านตันตามที่อนุกรรมการปิดบัญชีฯระบุ

จึงมีคำถามว่า เงิน 64,400 ล้านบาทจากตัวเลขลมลอยไปอยู่ในกระเป๋าใคร?

ผู้บริหาร อคส.และ อ.ต.ก.ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบอย่างไร ผู้บริหารในระดับรัฐมนตรีไปจนถึงนายกรัฐมนตรีที่พยายามยืนยันข้าวในสต๊อกมาโดยตลอดว่ามีอยู่จริงจะต้องรับผิดชอบอย่างไร

ก่อนหน้านี้ ยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากยิ่งลักษณ์ให้ชี้แจงเรื่องสต๊อกข้าว ได้ทำเอกสารถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เพื่อแก้ข้อกล่าวหากรณี ยิ่งลักษณ์ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในโครงการจำนำข้าวจนทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่ง ป.ป.ช.ชี้มูลให้มีการถอดถอนจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ยังเหลือการพิจารณาในคดีอาญาที่ ป.ป.ช.กำลังสอบสวนต่อ โดยยรรยงกล่าวหาว่ารายงานของอนุกรรมการปิดบัญชีชุดที่สุภาเป็นประธาน ไม่ได้นับข้าวในสต๊อกรัฐบาลกว่า 2 ล้านตันเข้าไปด้วย โดยอ้างว่าปริมาณข้าวที่ไม่ได้นับรวมนั้นมีสูงถึง 2.977 ล้านตัน

ที่มัดตัวเองมากขึ้นว่ารัฐบาลรู้เห็นเป็นใจกับการตกแต่งตัวเลขปริมาณข้าวในสต๊อกคือ ยรรยง ยังได้อ้างถึงคำสั่งยิ่งลักษณ์ที่ให้ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองเลขาธิการนายกฯ ไปตรวจสอบสต๊อกข้าว โดยมีการรายงานกลับมาว่ามีข้าวในสต๊อกจริง และยังพันไปถึง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีต รมว.พาณิชย์ผ่านคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตาม ด้วยว่า มีการตรวจสอบสต็อคข้าวระหว่างาวันที่ 17-28 มีนาคม 2557 พบว่ามีข้าวอยู่ครบ คือ 18.72 ล้านตัน

ยรรยงยังย้ำด้วยว่า “นายกฯ เป็นผู้สั่งให้ตรวจสอบประเด็นนี้” แสดงให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่เพียงรับรู้เกี่ยวกับตัวเลขสต๊อกลมแต่ยังมีเจตนาที่จะเสกลมให้กลายเป็นข้าว ด้วยการให้ข้อมูลเท็จกับประชาชน รวมถึง ป.ป.ช.เพื่อหนีความผิดด้วย

คสช.ควรจะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ ป.ป.ช.ไม่ได้รับความร่วมมือในยุคที่ยิ่งลักษณ์ยังมีอำนาจ ส่งมอบให้ ป.ป.ช.โดยด่วน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาดำเนินคดีอาญาต่อยิ่งลักษณ์ และควรมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการโกงข้าวครั้งนี้ ไล่ตั้งแต่ นิวัฒน์ธำรง ยรรยง ไปจนถึงผู้บริหาร อคส.และ อ.ต.ก.ด้วย

ที่สำคัญคือควรจะได้ยื่นฟ้องแทนคนไทยทั้งชาติ เรียกเงินกว่า 5 แสนล้านบาท จากยิ่งลักษณ์และพวกมาคืนให้กับแผ่นดิน อย่าหยุดแค่การเอาผิดในคดีอาญาเท่านั้น
ยรรยง พวงราช
นิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น