ผ่าประเด็นร้อน
แม้ว่านาทีนี้จะยังได้เห็นความเคลื่อนไหวต่อต้านออกมาของเครือข่ายระบอบทักษิณ บรรดาขี้ข้าทั้งระดับมีชื่อ และปลายแถวยังคงมีอยู่ แต่ในภาพรวมถือว่า “จิ๊บจ๊อย” มาก ลักษณะออกไปทางสร้างความรำคาญมากกว่า แต่ก็ไม่อาจประมาทได้เช่นเดียวกัน เพราะพวกนี้ได้สร้างเครือข่ายฝังรากลึกในบ้านเมืองนี้มานาน มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน นั่นหมายความว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคนพวกนี้ก็ย่อมพลอยเสียประโยชน์ที่เคยได้รับในทุกรูปแบบ ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนพวกนี้ยังต้องพยายามต่อต้านขัดขวางในทุกรูปแบบอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารยึดอำนาจครั้งนี้กำลังเริ่มฝ่อลงไปเรื่อยๆ นอกเหนือจากการบล็อก-การชาร์จบรรดาหัวโจกแกนนำอย่างรวดเร็วฉับไวไม่ให้ตั้งตัวแล้ว แต่เชื่อเถอะความหมายที่สำคัญที่สุดที่ทำให้การยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำได้อย่างเบ็ดเสร็จ และเกิดการต่อต้านขัดขวางตามมาก็คือ “การได้รับการสนับสนุนจากประชาชน” อย่างล้นหลามต่างหาก
ต้องไม่ลืมว่าการยึดอำนาจถือว่ายาก มีความเสี่ยง มีความยาก แต่ที่ยากไปกว่านั้นก็คือการรักษาความศรัทธาเอาไว้ได้นานแค่ไหนต่างหาก ไม่ว่าใครก็ต้องเจอแบบนี้ หากย้อนกลับไปที่เห็นชัดเจนก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยได้รับความรัก ความศรัทธา ความไว้วางใจจากประชาชนอย่างล้นหลามมาแล้ว แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป เขากลับ “ทรยศต่อความไว้วางใจ” ของประชาชนอย่างหน้าตาเฉย กลายเป็นว่าเขาใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ เพื่อออกใบอนุญาตให้เข้าไปหาประโยชน์แบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งในยุคของข้อมูลข่าวสาร ในยุคของการสื่อสารยุคใหม่ที่ไม่มีทางปิดกั้นได้หมด ในยุคที่ประชาชนเป็นสื่อด้วยตัวเอง โดยไม่ง้อสื่อหลัก ความชั่ว การทุจริตคอร์รัปชันก็ถูกเปิดโปงออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับชาวบ้านได้เห็นถึงความล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพของคนที่ถูกเชิดเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีล้วนแล้วแต่ไร้ความสามารถ สร้างแต่ความเดือดร้อน ทำลายศักดิ์ศรีของชาติ
สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวย่อมทำลายความศรัทธาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำลายระบอบทักษิณ หรือแม้แต่ทำลายมวลชนคนเสื้อแดงที่เคยเป็นกำลังสนับสนุนสำคัญลงไปเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อวกกลับมาที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังได้รับการสนับสนุน ให้ความรักจากประชาชนทั่วประเทศอย่างล้นหลามมากขึ้นทุกวัน มากจนทำให้ต่อต้านเริ่มฝ่อลง ความพยายามในการขยายการชุมนุมของมวลชนทำได้ยากขึ้นทุกที แม้แต่วิธีการที่จะใช้ “โลกล้อมประเทศ” นั่นคือใช้ รัฐบาลต่างประเทศ-สื่อต่างประเทศกดดันสร้างกระแส เพราะทำไม่ได้ผล เพราะในยุคปัจจุบันได้มีประชาชนที่มีความรู้มีข้อมูลทำหน้าที่พลเมืองดีคอยชี้แจง ตำหนิโดยตรงไปถึงรัฐบาลประเทศนั้น สถานทูตของประเทศนั้น เปิดโปงพฤติกรรมของทักษิณ ชินวัตร ว่าชั่ว-ทุจริตอย่างไรบ้าง
นี่คือการทำสงครามข้อมูลข่าวสารจากความเป็นจริง ที่ประชาชนเป็นกำลังสำคัญในการหนุนช่วย
นี่คือข้อสรุปที่ชัดเจนที่สุดว่า อนาคตของ คสช.จะเป็นแบบไหน ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของประชาชนเป็นหลัก หากทำดีทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ก็แน่นอนว่าจะอยู่ได้ด้วยความมั่นคงศรัทธา ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เร่งด่วนที่ต้องงวดเข้ามามันก็เหมือนเป็นไฟต์บังคับให้ต้องแสดงฝีมือและพิสูจน์ความจริงให้เห็นกันแล้วนับจากนาทีนี้เป็นต้นไป
ที่ผ่านมากว่าสัปดาห์ถือว่าได้รับต้นทุนความศรัทธาที่ดี อย่างไม่น่าเชื่อ แต่นับจากนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำงานตามที่ประกาศเจตนารมณ์เอาไว้ ซึ่งรับรองว่ามันไม่ง่าย มันเป็นงานที่หิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบอบทักษิณ ได่สร้างความหายนะเอาไว้มากมายจนดำดิ่ง การจะกอบกู้ขึ้นมาจึงต้องใช้เวลาบ้าง แต่ทุกอย่างต้องเห็นเป็นรูปธรรม และต้องสรุปบทเรียนจากความล้มเหลว สาเหตุแห่งความเสื่อมศรัทธาของ รัฐบาลชุดที่แล้วจนนำมาสู่การต่อต้านขับไล่อย่างขนานใหญ่
ที่สำคัญที่สุดก็คือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพซ้ำรอย รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ เพราะถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะล้มเหลว นั่นเท่ากับว่าจะกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขให้ระบอบทักษิณกลับมาอีกและคราวนี้จะเติบโตเข้มแข็งกว่าเดิมอีกหลายเท่า ดังนั้นจะย่ำรอยเดิมไม่ได้ ล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเป็นความหวังเดียวที่มีอยู่
แต่ขณะเดียวกันสาเหตุแห่งความล้มเหลวเกิดจากอะไรเชื่อว่านาทีนี้ไม่ต้องมาพูดกันให้มากเรื่องแล้ว ทุกคนรับรู้และเข้าใจกันดี!!