“เด็จพี่” โต้ข่าวโคตรเหง้าชินวัตรพร้อมแกนนำเพื่อแม้วจ่อหนีไป ตปท.หลังมีอัยการศึก ฉะปล่อยข่าวดิสเครดิต แจง หน.พรรคติดภารกิจไม่ได้ร่วมตามที่ กอ.รส.เชิญ ส่ง 5 หน่อไปแทน ยันให้ความร่วมมือแต่ต้องยึด ปชต.-รธน. ประณาม “นิพิฏฐ์” เหมารวมปชป. เผยธาตุแท้หนุนรัฐประหาร ตอก “ไพบูลย์” และ 32 ส.ว.เข้าชื่อสอบ ครม.ขัด รธน. หวังจ้องล้มรัฐรักษาการ เอื้อนายกฯ ม.7
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวตระกูลชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทยเตรียมหนีออกนอกประเทศภายหลังทหารประกาศกฎอัยการศึกว่า เป็นการปล่อยข่าวเพื่อหวังทำลายพรรคเพื่อไทยและหวังผลทางการเมือง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แกนนำพรรคเพื่อไทยหรือคนในครอบครัวตระกูลชินวัตรเท่าที่ได้ตรวจสอบก็อยู่ในประเทศไทยและทำงานของตัวเองตามปกติไม่ได้หนีออกนอกประเทศตามที่เป็นข่าว ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ยังเปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์ตามปกติเหมือนที่ผ่านมา แม้กระทั่งรัฐมนตรีก็ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้หนีหรือลาออกแต่อย่างใด
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้เชิญให้พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมหารือแก้ไขปัญหาประเทศว่า ทางพรรคได้ตอบรับการเข้าร่วมหารือแต่เนื่องจากนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ติดภารกิจที่จังหวัดอุดรธานี และได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเข้าร่วมหารือ ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมให้ความร่วมมือแต่ขอให้อยู่ในกรอบประชาธิปไตย และตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงข่าวสนับสนุนให้เกิดการรัฐประหารว่า เป็นการเผยธาตุแท้ของนายนิพิฏฐ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ทหารพยายามยุติความขัดแย้ง ป้องกันการก่อจลาจลไม่ให้เกิดการปะทะกัน ตนรู้สึกผิดหวังกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก พวกปากประชาธิปไตยแต่หัวใจเผด็จการ สมควรที่จะต้องประณามความคิดนี้เพราะขัดกับหลักประชาธิปไตย
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วย ส.ว.จำนวน 32 คนได้เข้าชื่อเพื่อขอให้ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 และเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) ว่า เป็นการกระทำที่หวังจ้องล้มรัฐบาลรักษาการ เป็นเกมการเมืองที่ต้องการให้เกิดสุญญากาศ ตนขอให้นายไพบูลย์หยุดการกระทำดังกล่าว เลิกคิดเลิกฝันที่ต้องการให้เกิดสุญญากาศเพื่อให้วุฒิสภาได้เสนอนายกฯ ม.7 เพราะเป็นการซ้ำเติมปัญหาความขัดแย้งมากกว่าการแก้ปัญหา ทางฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกรณีดังกล่าว เพราะคระรัฐมนตรี (ครม.) ที่เหลืออยู่ในตำแหน่งต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่