ปชป.แสดงจุดยืนเห็นด้วยต่อการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อความสงบและป้องกันการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน แนะให้ระวังการใช้อำนาจ ไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ชี้การแก้ปัญหาทางการเมืองทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมและเสียสละ อยู่บนหลักกฎหมาย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ผิดหวัง “นิวัฒน์ธำรง” ไม่ร่วมวงถก เตือนรัฐบาลฉุกคิด ดันเลือกตั้งมีแต่เพิ่มปัญหา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า เป็นการเรียกประชุมวาระพิเศษ เพราะสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่มีการประกาศกฎอัยการศึก โดยพรรคมีจุดยืน 3 ประการคือ 1. หากดำเนินการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ก็เห็นว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง และการยุบ ศอ.รส.ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องแต่ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเพิ่มวิกฤตมากขึ้น การประกาศกฎอัยการศึกเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ทหารจำเป็นต้องทำ
2. การใช้กฎอัยการศึกต้องระมัดระวังและใช้อำนาจอย่างมีขอบเขตตามความจำเป็น ไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน แต่เป็นการประกาศเพื่อความมั่นคงและดูแลความปลอดภัยเท่านั้น
3. พรรคยืนยันว่ากระบวนการแก้ปัญหาทางการเมือง ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมและเสียสละ เพราะฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ การให้ประเทศพ้นวิกฤตต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เมื่อกองทัพเชิญให้เข้าร่วมหารือในวันนี้พรรคจึงมีมติส่งผู้แทนเข้าร่วมเพื่อแสดงความจริงใจว่าต้องการแก้ปัญหาประเทศ แต่ต้องอยู่บนหลักกฎหมาย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ผลักดันให้ประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่าและต้องมีการปฏิรูปประเทศ โดยตัวแทนพรรคคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค
“การหารือจะไม่มีประโยชน์ หากรัฐบาลไม่มีการปรับเปลี่ยนท่าที เพราะในขณะนี้รัฐบาลยังดื้อดึงที่จะกดดันให้ กกต.จัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้การหารือไม่มีประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากที่ผ่านมามีการเตือนรัฐบาลมาตลอดว่าการเลือกตั้งในขณะนี้ไม่ใช่ทางออก แต่รัฐบาลไม่ฟังจนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นกระทั่งมาถึงจุดนี้ จึงอยากให้ทบทวนเหตุการณ์เพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย และการที่นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ยังไม่ร่วมหารือด้วย ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังเพราะควรที่จะต้องมาช่วยกันหาทางออกให้แก่ประเทศ”
