นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อวานนี้ (21พ.ค.) ว่า เป็นการเรียกประชุมวาระพิเศษ เพราะสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่มีการประกาศกฎอัยการศึก โดยพรรคมีจุดยืน 3 ประการ คือ 1. หากดำเนินการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ก็เห็นว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง และการยุบ ศอ.รส. ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเพิ่มวิกฤตมากขึ้น การประกาศกฎอัยการศึก เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ก็เห็นว่า เป็นเรื่องที่ทหารจำเป็นต้องทำ
2. การใช้กฎอัยการศึก ต้องระมัดระวังและใช้อำนาจอย่างมีขอบเขตตามความจำเป็น ไม่ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน แต่เป็นการประกาศเพื่อความมั่นคง และดูแลความปลอดภัยเท่านั้น
3. พรรคยืนยันว่า กระบวนการแก้ปัญหาทางการเมือง ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม และเสียสละ เพราะฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ การให้ประเทศพ้นวิกฤต ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เมื่อกองทัพเชิญให้เข้าร่วมหารือ พรรคจึงมีมติส่งผู้แทนเข้าร่วมเพื่อแสดงความจริงใจว่า ต้องการแก้ปัญหาประเทศ แต่ต้องอยู่บนหลักกฎหมาย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ผลักดันให้ประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และต้องมีการปฏิรูปประเทศ โดยตัวแทนพรรคคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค
"แต่การหารือจะไม่มีประโยชน์ หากรัฐบาลไม่มีการปรับเปลี่ยนท่าที เพราะในขณะนี้รัฐบาลยังดื้อดึง ที่จะกดดันให้ กกต.จัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้การหารือ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากที่ผ่านมามีการเตือนรัฐบาลมาตลอดว่า การเลือกตั้งในขณะนี้ไม่ใช่ทางออก แต่รัฐบาลไม่ฟัง จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น กระทั่งมาถึงจุดนี้ จึงอยากให้ทบทวนเหตุการณ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย และการที่นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ยังไม่ร่วมหารือด้วย ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังเพราะควรที่จะต้องมาช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ" นายชวนนท์ กล่าว
2. การใช้กฎอัยการศึก ต้องระมัดระวังและใช้อำนาจอย่างมีขอบเขตตามความจำเป็น ไม่ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน แต่เป็นการประกาศเพื่อความมั่นคง และดูแลความปลอดภัยเท่านั้น
3. พรรคยืนยันว่า กระบวนการแก้ปัญหาทางการเมือง ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม และเสียสละ เพราะฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ การให้ประเทศพ้นวิกฤต ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เมื่อกองทัพเชิญให้เข้าร่วมหารือ พรรคจึงมีมติส่งผู้แทนเข้าร่วมเพื่อแสดงความจริงใจว่า ต้องการแก้ปัญหาประเทศ แต่ต้องอยู่บนหลักกฎหมาย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ผลักดันให้ประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และต้องมีการปฏิรูปประเทศ โดยตัวแทนพรรคคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค
"แต่การหารือจะไม่มีประโยชน์ หากรัฐบาลไม่มีการปรับเปลี่ยนท่าที เพราะในขณะนี้รัฐบาลยังดื้อดึง ที่จะกดดันให้ กกต.จัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้การหารือ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากที่ผ่านมามีการเตือนรัฐบาลมาตลอดว่า การเลือกตั้งในขณะนี้ไม่ใช่ทางออก แต่รัฐบาลไม่ฟัง จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น กระทั่งมาถึงจุดนี้ จึงอยากให้ทบทวนเหตุการณ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย และการที่นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ยังไม่ร่วมหารือด้วย ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังเพราะควรที่จะต้องมาช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ" นายชวนนท์ กล่าว