“ทนายสุวัตร” ผิดหวังมติ ป.ป.ช. ฟัน “ปู” ไม่สุดซอย ชี้ตัดสินตามน้ำศาล รธน. ทั้งที่หลักฐานชี้โกงจำนำข้าวชัดเจน ลงดาบฟันอาญาได้ในคราวเดียว แต่เลือกเตะถ่วง สับสร้างราคาให้วิ่งเต้น เชื่อวุฒิฯไร้น้ำยาถอดถอน แนะจับตาดึงคดีจนใกล้หมดอายุแล้วค่อยส่งฟ้อง ปล่อยคนชั่วลอยนวลซ้ำรอยคดี 7 ต.ค. 51 ฟันธง “นิวัฒน์ธำรง” หมดสิทธิ์ทูลเกล้าฯ กม.เลือกตั้ง เย้ยสมุนแม้วเข้าสุญญากาศเต็มตัวแล้ว
วันนี้ (8 พ.ค.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เสียงชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่แยกสํานวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา ส่วนคดีอาญาให้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความว่า มองผิวเผินมติ ป.ป.ช. ครั้งนี้ถือเป็นผลลบต่อตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเป็นที่น่าพอใจของฝ่ายประชาชน แต่หากเจาะลึกลงไปในรายละเอียดแล้วต้องบอกว่าน่าผิดหวังสำหรับการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เพราะการชี้มูลความผิดเฉพาะในส่วนของการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ แล้ว เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร รวมทั้ง ป.ป.ช. ด้วย
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ส่วนการอ้างว่าจะมีผลถึงการตัดสิทธิ์การดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากวุฒิสภาลงมติถอดถอนนั้น อยากถามว่าที่ผ่านมาวุฒิสภาเคยถอดถอนใครได้สำเร็จบ้าง โดยเฉพาะวุฒิสภาชุดปัจจุบัน ที่มี ส.ว. เลือกตั้งเข้ามาใหม่ ก็มองว่ายิ่งเป็นไปไม่ได้
“ป.ป.ช. แค่สร้างราคาให้ตัวเอง แค่เล่นตามน้ำลงมติชี้มูลให้มีการถอดถอนคุณยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีวินิจฉัยให้สิ้นสุดการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้ จึงถือว่ามติของ ป.ป.ช. ไม่ได้ให้อะไรกับสังคมเลย ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และเชื่อว่าสังคมในวงกว้างก็ผิดหวังเช่นกัน” นายสุวัตร ระบุ
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า เมื่อมติของ ป.ป.ช. ออกมาในลักษณะนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองว่า ป.ป.ช. พยายามเตะถ่วงคดี เพื่อให้มีการวิ่งเต้น หรือการต่อรองบางสิ่งบางอย่าง เพราะจากข้อเท็จจริงของการทุจริตโครงการรับจำนำ รวมทั้งสิ่งที่ปรากฏต่อสาธารณะ ทั้งผลขาดทุนหลายแสนล้านบาท และความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรชาวนา ชี้ให้เห็นว่าโครงการมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดก็มีส่วนเกี่ยวข้องมาตลอดโครงการ จึงมองว่า ป.ป.ช. สามารถชี้มูลความผิดในคดีอาญาได้ในคราวเดียวกันเลย
นายสุวัตร กล่าวด้วยว่า จากมติ ป.ป.ช. ที่จะให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีอาญาต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความนั้น ส่วนตัวมีความกังวลว่ากระบวนการจะล่าช้าจนใกล้หมดอายุความแล้ว จึงส่งเรื่องให้อัยการสั่งฟ้องคดี เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต โดยเฉพาะคดีสลายการชุมนุมของตำรวจเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 ที่ปรากฏความผิดชัดเจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ป.ป.ช. ก็เลือกที่จะดึงเวลาไต่สวนไปถึง 9 ปี 10 เดือน หรือจนใกล้หมดอายุความ แล้วส่งต่อให้อัยการ สุดท้ายไม่สามารถส่งฟ้องได้ทัน เพราะคดีหมดอายุความก่อน ทำให้ผู้กระทำผิดลอยนวลโดยไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด จึงอยากให้จับตาว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่
ส่วนกรณีการดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีของ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นั้น นายสุวัตร มองว่า นายนิวัฒน์ธำรง ไม่สามารถทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้เต็มที่ เพราะอำนาจหน้าที่หลายอย่างเป็นหน้าที่เฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการ ดังนั้น การที่รัฐบาลพยายามผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่นั้น จึงไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน ถือว่าเข้าสู่สุญญากาศทางการเมืองของฝ่ายพรรคเพื่อไทยแล้ว
