xs
xsm
sm
md
lg

“เด็จพี่” โวยเหมาเข่งตัดหัว รมต. เล็งฟ้องตุลาการ รธน. กลับ โบ้ย สตง. เรียกค่าเสียหาย “สุเทพ” ทำเลือกตั้งโมฆะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (ภาพจากแฟ้ม)
“เพื่อไทย” แถลงเรื่อยเปื่อย โวยศาลรัฐธรรมนูญเหมาเข่งตัดหัว รมต. อ้างขบวนการรวมหัววางแผนเป็นขั้นตอน เล็งฟ้องตุลาการกลับ “เด็จพี่” รำลิเกโบ้ยค่าเสียหายเลือกตั้งโมฆะ “สุเทพ” ต้องรับผิดชอบ อ้างเลือกตั้งสำเร็จปัญหาลด ปากปีจอกล่าวหา “คำนูณ” เป็นแนวร่วมสร้างสุญญากาศการเมือง ซัดชุมนุมใหญ่ลุแก่อำนาจ แสร้งทำเป็นหวั่นสองกลุ่มปะทะ

วันนี้ (8 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะกรรมการกิจการพรรค ร่วมกันแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมเมื่อ 6 ก.ย. 54 ที่มีมติเห็นชอบในการโอนย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. ต้องสิ้นสุดลง พรรคเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายประการ อาทิ การกล่าวหารัฐมนตรีที่จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัว รัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) นั้น ต้องมีการยื่นคำร้องกล่าวหารัฐมนตรีคนนั้นเป็นคนๆ ไป หรือถ้าเห็นว่าร่วมกันทำผิดก็ต้องกล่าวหาร่วมกันมาในคำร้อง เมื่อในคดีนี้ในคำร้องไม่มีการกล่าวหารัฐมนตรีคนอื่นๆ ว่าร่วมกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว จึงถือว่ารัฐมนตรีเหล่านั้นเป็นบุคคลนอกคดี และไม่มีโอกาสต่อสู้คดีในศาล ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้รัฐมนตรีเหล่านั้นสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีที่ได้ร่วมลงมติบางคนได้ถูกปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่ง ความเป็นรัฐมนตรีของบุคคลเหล่านั้นในตำแหน่ง ที่เกิดขึ้นภายหลังย่อมจะไม่พ้นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะตำแหน่งเดิมได้หมดสิ้นไปแล้ว มีการโปรดเกล้าฯ ใหม่ ถวายสัตย์ฯใหม่ จึงเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีต่างคณะ การทำหน้าที่ก็ต่างกรรมต่างวาระ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการนั้น เป็นการใช้และตีความกฎหมายคลาดเคลื่อน จะทำให้เกิดปัญหาต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ต่อไปเมื่อมีการโอนย้ายข้าราชการ หากผู้ถูกย้ายไม่พอใจก็จะอาศัยช่องทางยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองในที่สุด คดีนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและเป็นการดำเนินคดีและดำเนินกระบวนการพิจารณาซ้ำกับศาลปกครอง จึงเป็นที่น่าสงสัยว่ามีเหตุผลทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ มีข้อน่าสงสัยว่าเหตุใด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ผู้ยื่นคำร้องจึงได้กล่าวในหลายเวทีถึงความมั่นอกมั่นใจในผลของคำวินิจฉัยที่จะเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจรับข้อเสนอของตนเองก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย คนพวกนี้แสดงออกเสมือนรู้ผลการวินิจฉัยล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อมุ่งหวังแย่งชิงอำนาจทางการเมืองโดยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน ขั้นตอนแรกใช้กลไกในสภา เมื่อไม่ได้ผลขั้นตอนต่อมาจึงใช้มวลชนกดดันนอกสภาชุมนุมขับไล่ใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา แต่ก็ยังไม่บรรลุผลจึงอาศัยองค์กรในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระบางองค์กรเป็นเครื่องมือ หากยังไม่ได้ผลก็จะมีการเคลื่อนไหวสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทหารทำรัฐประหาร หรือร่วมกับทหารบางกลุ่มทำการรัฐประหาร โดยอาศัยประชาชนเป็นผู้ออกหน้ายึดหน่วยงานราชการต่างๆ ให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารและสั่งราชการได้ โดยมีทหารบางกลุ่มหนุนหลังเพื่อสุดท้ายจะอ้างได้ว่าเป็นการปฏิวัติประชาชน หลังจากนั้น ก็จะมีการเสนอตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามที่เตรียมการไว้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะทำให้เกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง เพราะจะมีประชาชนที่คัดค้านและไม่เห็นด้วยออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง จนทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้บุคคลและกลุ่มบุคคลทั้งที่แสดงออกโดยเปิดเผยและที่แอบอยู่เบื้องหลังเพื่อหวังได้อำนาจการปกครองประเทศโดยวิถีทางนอกรัฐธรรมนูญได้สำนึกและเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ และความสูญเสียทางเศรษฐกิจและการลงทุนรวมถึงความเชื่อมั่นของประเทศในสายตาต่างชาติ ได้ยุติการกระทำ และร่วมกันเดินหน้าจัดการเลือกตั้งให้สำเร็จตามที่กำหนดไว้ เพื่อจะได้รัฐบาลที่มาจากความยินยอมของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่รัฐบาลของคนใด หรือกลุ่มใดเป็นการเฉพาะ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากมีคำวินิจฉัยส่วนตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกมา ฝ่ายกฎหมายจะศึกษาอย่างละเอียด อาจจะมีการฟ้องร้องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีทั้ง 9 คน สิ้นสุดลง เพราะถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ได้อยู่ในคำร้องไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องชี้แจง การวินิจฉัยเช่นนี้น่าจะเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกหนังสือให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหาย 3,800 ล้านบาท เนื่องจากการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ที่ผ่านมาเป็นโมฆะว่า รองผู้ว่าการ สตง. มีเจตนาพิเศษหรือไม่ ทำไมโยนบาปให้รัฐบาล เป็นการกล่าวหาผิดตัวหรือไม่ เพราะรัฐบาล และพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง แต่คนที่ขัดขวางการเลือกตั้ง และประกาศชัดเจนคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์อีก 9 คน ที่ผันตัวไปเป็นแกนนำ กปปส. ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ สตง. ฟ้องนายสุเทพ และแกนนำ กปปส. ทั้ง 9 คน จะดีกว่า อีกทั้งควรทำหนังสือชดใช้ค่าเสียหายไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่รัฐบาล อย่าเลือกปฏิบัติ เพราะประชาชนหลายคนมองว่าคนทำผิดไม่ถูกลงโทษ แต่ที่ถูกลงโทษกลับไม่ได้ทำผิด และการกล่าวหารัฐบาลครั้งนี้ สตง. อาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต. มีมตินัดหารือเรื่องการเลือกตั้งกับรัฐบาลในวันที่ 14 พ.ค. นั้น ว่า กกต. ควรเร่งหารือกับรัฐบาลก่อนวันที่ 14 พ.ค. เพราะถ้ายิ่งล่าช้าประชาชนก็จะขาดหลักประกันเรื่องการเลือกตั้ง โดยเฉพาะที่ กกต. ระบุว่าวันที่ 20 ก.ค. จะเป็นวันเลือกตั้งใหม่ เพราะถ้าหากนัดคุยกันวันที่ 14 พ.ค. จะทำให้การออก พ.ร.ฎ. ล่าช้าไปอีก และทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนจากกำหนดเดิมไปอีกหรือไม่ นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองกำลังนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล และฝ่ายล้มรัฐบาล กกต. น่าจะปลดล็อกร่วมแก้ปัญหาเร่งออก พ.ร.ฎ. ร่วมกับรัฐบาลโดยเร็ว มอบให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง เชื่อว่าหากเลือกตั้งได้สำเร็จปัญหาทุกอย่างจะลดลง และจะเป็นการเดินตามระบอบประชาธิปไตย สกัดกั้นเกมสร้างสุญญากาศของบางฝ่าย ที่พยายามทำอยู่

ส่วนกรณีที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ระบุว่า ไม่สามารถมีบุคคลทำหน้าที่แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายร่าง พ.ร.ฎ. เลือกตั้งได้นั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า มองว่าเป็นเกมการเมือง เพื่อนำไปสู่การสร้างสุญญากาศให้ประเทศหรือไม่ อีกทั้งนายคำนูณเป็นแนวร่วมของนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ระบุแล้วว่ารักษาการนายกฯ สามารถทำหน้าที่แทนนายกฯ ได้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้กลุ่ม 40 ส.ว. ควรทำหน้าที่เป็นกลาง เพราะได้เงินเดือนจากภาษีประชาชน ควรทำตามความต้องการของประชาชน ถ้าทำไม่ได้ก็ควรลาออกมาเคลื่อนไหวพร้อมนายสุเทพจะดีกว่า ไม่ควรเล่นการเมืองสองขา

กรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 9 พ.ค. นั้น มองว่าเป็นเกมการเมือง นายสุเทพ ลุแก่อำนาจ เหิมเกริม ทั้งที่ถูกฟ้องในข้อหากบฏแล้ว และแม้ว่านายกฯ จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่นายสุเทพก็ไม่หยุด ยังพยายามอ้างจะให้อำนาจอธิปไตยมาเป็นของปวงชน ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะเจตนาที่แท้จริงของนายสุเทพ คือต้องการคืนอำนาจให้ตัวเองและพวกมากกว่า ดังนั้นถ้าจะให้อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ ควรสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งมากกว่า เพราะจะได้ความต้องการของประชาชนจริงๆ

“ขอให้นายสุเทพ เคารพเสียงประชาชน เคารพอำนาจประชาชน และนายสุเทพควรหยุดปลุกระดมมวลชนได้แล้ว หากยังมีความสำนึกในความเป็นคนไทยอยู่ อีกทั้งสิ่งที่นายสุเทพจำทำพรุ่งนี้ เพื่อต้องการให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ ต้องการให้มวลชนอีกกลุ่มออกมาปะทะกันเพื่อให้ทหารออกมายึดอำนาจใช่หรือไม่ นายสุเทพ ต้องตอบเรื่องนี้ด้วย” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ นายนิค น็อตติก สื่อมวลชนต่างประเทศ ถูกทำร้ายเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุการ์ด กปปส. เป็นคนทำร้ายนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า แสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของ กปปส. ไม่ได้สงบอย่างที่ได้พูดไว้ และเป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นการคุกคามประชาชน ข้าราชการ และสื่อมวลชน การทำร้ายสื่อมวลชนต่างประเทศเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ไทยเสียหาย กลุ่มการเมืองเหล่านี้ไม่เคยเห็นหัวประชาชน ตนขอประณามการกระทำในลักษณะนี้ด้วย และการทำร้ายนายนิค เพราะเขาถ่ายภาพมือปืนป๊อปคอร์นได้ ใช่หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น