“คำนูณ” ชี้ตั้งนายกฯคนกลางโอกาสเกิดยาก เหตุคนในชาติมีความเห็นแตกแยก ระบุหากรัฐบาลประชาชนไม่สามารถได้ใจคนรักทักษิณ ในที่สุดระบอบทักษิณก็จะกลับมา ด้าน “ปานเทพ” เชื่อมาตรา 3, 7 มีทางอยู่ แต่ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับประธานวุฒิสภากล้าทำไหม แล้วจะมีพระบรมราชโองการตามที่เสนอขึ้นไปหรือไม่
วันที่ 7 พ.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำรุ่น 2 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี
โดย นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีนายกฯพ้นสภาพตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ย้อนไปสมัย นายสมัคร สุนทรเวช ตอนนั้นก็สิ้นสุดความเป็นนายกฯ แล้ว ครม.ยังอยู่ เหมือนตอนนี้เลย แต่ตอนนั้นมีสภาผู้แทนฯ จึงเลือก นายสมชาย วงศ์สัวสดิ์ เข้ามาแทน จากนั้นโดน ป.ป.ช.ชี้มูล สภายังอยู่ก็เลือกนายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ แต่ตอนนี้ไม่มีสภา ตามเงื่อนไขเวลาก็ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ตามกำหนดแล้ว หรือจะเลือกตั้งรอบใหม่ก็โอกาสริบหรี่ ฉะนั้นการได้นายกฯมาด้วยวิธีนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ก็เหลือทางเลือกอื่นต้องใช้ประเพณีปกครอง โดยเฉพาะมาตรา 7 ที่ระบุว่า “ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ส่วนมาตรา 3 ระบุว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” ที่ผ่านมาในสมัย นายสัญญา ธรรมศักดิ์ มีรัฐสภาก็คือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วรองประธานสภานิติบัญญัติเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า มีคนบอกทางออกประเทศตอนนี้ต้องเจรจากัน ชั่วโมงนี้ไม่มีใครเจรจาได้ เพราะตามเนื้อแท้ความต้องการของแต่ละกลุ่มไม่สามารถปรับเข้าหากันได้ นอกจากนี้ สังคมไทยอยู่บนสถานะที่สื่อเป็นเครื่องมือของแต่ละฝ่าย เกิดการทำสงครามให้เกลียดชังอีกฝ่าย เมื่อการเจรจาเป็นไปไม่ได้ การไปสู่การเลือกตั้งก็เป็นไปไม่ได้แล้ว กกต. ไม่ควรเจรจากับรองนายกฯ หรือต่อให้มีการจัดเลือกตั้งในบรรยากาศแบบนี้ ก็จะมีคนไปขวาง ได้ไม่ถึง 95 เปอร์เซ็นต์แน่นอน เมื่อเป็นไปไม่ได้ก็มาสู่ช่องทางมาตรา 3 และ 7 มีทางอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ทุกคนจับจ้องไปที่ประธานวุฒิฯ แต่ข้อถกเถียงก็ยังมี เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันบอกว่านายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง และวุฒิสภาไม่เคยแต่งตั้งนายกฯมาก่อน นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยพระราชอำนาจอยู่ดี โดยมาตรา 3 ระบุเลยว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้” จะมีการยื่นเพื่อทำตามขั้นตอนนี้ ประธานวุฒิสภากล้าทำไหม หรือทำแล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระบรมราชโองการตามที่เสนอหรือไม่ อีกทางก็เหลือการรัฐประหาร
ตนยังไม่รู้ว่าวันที่ 9 พ.ค. การประชุมวุฒิสภาจะประชุมได้ถึงไหน เลือก นางสุภา เป็น ป.ป.ช.ทันเวลาหรือไม่ เลือกประธานวุฒิฯจะสำเร็จหรือไม่ แล้วประธานวุฒิฯมีโอกาสพูดถึงทางออกประเทศ เรื่องการมาของนายกฯหรือไม่ แล้วสมมติได้นายกฯมาจริงๆ จะมีอำนาจแก้วิกฤตได้จริงหรือไม่
นายคำนูณ กล่าวว่า ตอนนี้หลายคนพุ่งเป้าไปที่ประธานวุฒิสภา แต่ต้องเข้าใจว่าตัวอย่างที่มีเทียบเหตุการณ์ในอดีตแทบไม่ได้ วันที่ 9 พ.ค. เป็นวันประชุมนัดสุดท้ายของวุฒิสภา วาระสำคัญคือให้ความเห็นชอบนางสุภา เป็น ป.ป.ช.คนใหม่ ส่วนจะเลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่ต้องดูมติในที่ประชุม
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า บังเอิญวุฒิสภาประชุมบ่ายวันที่ 9 พ.ค. กำนันนัดเช้า 9 พ.ค. จะมีผลอย่างไรตนไม่ทราบ เป็นวันสุดท้ายที่จะประชุมได้ แล้วกำนันจะมีบทบาทต่อไปหรือไม่ ความเป็นไปที่ต้องยอมรับว่ามวลชนอีกฝั่งหนึ่งที่มีความเห็นต่าง เราจะไปบอกว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ไม่ได้เห็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความเป็นจริงที่ดำรงอยู่มันเป็นสภาวะที่ครึ่งๆ แนวโน้มเลือกตั้งถูกปิด ให้วุฒิสภาตั้งนายกฯคนกลางก็ไม่ได้ ดูไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าองคาพยพในระบบเดินไปไม่ได้ คนในระบบไม่เป็นฉันทามติ ก็ต้องมีอำนาจนอกระบบเกิดขึ้น
นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า ประชาชนต้องอยู่อย่างมีสติ ต้องพึงเข้าใจว่าเราอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างที่ไม่เคยมาก่อน ต่อให้ได้รัฐบาลใหม่มา ถ้าไม่สามารถได้ใจคนที่รักทักษิณมาก็อยู่ลำบาก ในที่สุดระบอบทักษิณก็จะกลับมา ฉะนั้นการปฏิรูปที่พูดคุยกัน เช่น ปฏิรูปพลังงาน ถ้าทำแล้วจะได้ใจทุกฝ่าย แต่ก่อนถึงจุดนั้นจะผ่าทางตันอย่างไร ไม่ว่าทางไหนมีโอกาสสูญเสียทั้งนั้น แต่สูญเสียมากหรือน้อย แล้วคนที่ทำคุ้มค่าต่อการสูญเสียหรือไม่ ยากที่จะคาดการณ์ แต่ตอนนี้เป็นทางตันประเทศ ทุกทางเลือกมีต้นทุน
