รัฐบาล “ติดล็อก” เป็นอัมพาต จับตา “แม้ว” จะฮึดสู้หรือถอย

รายงานการเมือง

เรียบร้อยตายตามคาด ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเหล่าทรราชที่ร่วมกันโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปนั่งตบยุงในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ นานร่วมสองปีกว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 54 เพื่อปูทางให้ “บิ๊กอ๊อฟ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สมใจ

งานนี้เหล่าทรราชสิ้นซากไปเบ็ดเสร็จแล้วจำนวน 10 ศพ โดยมี “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นศพแรก และพวกอีก 9 ศพ ประกอบด้วย ตัวจี๊ดปากดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “อ้ายปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล “โต้งไวท์ไล” กิตติรัตน์ ณ ระนอง “บิ๊กผิว” พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี “ปลอดขยะ” ปลอดประสพ สุรัสวดี “อ๊อดถังเช่า” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา "เดอะป๊อป" น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ “ขี้ข้าตัวพ่อ” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน “ลูกยอด” นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์

เรียกว่าผลจากคดีนี้ทำให้น้องปูเจริญรอยตามพวกพี่ๆ น้องๆ ที่ไปจารึกชื่ออยู่บนอนุสาวรีย์พวกขี้โกงขี้ฉ้อก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น นช.ทักษิณ สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยมีทนายคู่กายระบอบทักษิณอย่างนายพิชิต ชื่นบาน และก็ทีมกฎหมายขี้ครอกอย่าง วัฒนา เตียงกูล เป็นผู้ลากขึ้นไปด้วย เพราะฝีมือทางกฎหมายที่อ่อนหัด ไร้น้ำยาพาไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเชือดนิ่มๆ กันทุกราย

ทำให้ตอนนี้เสถียรภาพของรัฐบาลรักษาการพิกลพิการไม่สมประกอบ เพราะเหลือเพียง 24 หน่อ ที่นั่งสัปหงกเป็นตอไม้ผูกผ้าสามสี ไม่มีอำนาจอะไรมาบริหารอยู่ในอาการเป็นอัมพาต แม้ตามสภาพกฎหมายจะยังพอเข็นรถต่อไปได้ แต่ในทางพฤตินัยตอนนี้ประเทศไทยแทบจะสุญญากาศแล้ว

แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยของ นช.ทักษิณ ยังต้องดันทุรังสู้ต่อไป ตามคอนเซปต์กอดรัฐธรรมนูญให้ตายคาสนามไปเลย แต่จะไม่ยอมให้เกิดสุญญากาศเด็ดขาด โดยการนำเหล่าเสนาบดีที่ยังไม่สิ้นสภาพมานั่งขัดตาทัพชั่วคราวระหว่างนี้

ตามคิวที่มีการแต่งตั้ง “เสี่ยนิวัฒน์” นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ที่รอดดาบศาลรัฐธรรมนูญมาหวุดหวิดขึ้นเป็นหนังหน้าไฟ เพราะมีท่าทีประนีประนอม และมีภาพดูดีกว่าขี้ข้าที่เหลือใน ครม.

แม้จะมีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ว่าหวยจะไปออก ที่พงศ์เทพ เทพกาญจนา เพื่อเอาไปต่อสู้แง่มุมทางกฎหมาย แต่คิดไปคิดมาก็ตายเปล่า อีกอย่างการจะผลักดันรองนายกฯลำดับท้ายแซงพรวดขึ้นมา นอกจากผิดธรรมเนียม แล้วยังเสี่ยงตกเป็นเป้า ให้เกิดปัญหาภายในกันเอง คนที่รอความหวังอยู่มีอาการแน่ เสี่ยงเครื่องรวนเจ๊งภายใน ดังนั้นจบแบบรวดเร็ว "นิวัฒน์ธำรง" เลยรับตำแหน่งไป

อย่างไรก็ตาม การจะดื้อแพ่งไปถึงฝั่งฝันปั้นรักษาการนายกรัฐมนตรีเถื่อนแบบถาวรได้หรือไม่ คงไม่ง่ายเหมือนกัน เพราะตามการประเมินของแนวร่วมฝ่ายต้านระบอบทักษิณเองก็มั่นอกมั่นใจแล้วว่า เกิดสุญญากาศเป็นที่เรียบร้อย จะต้องมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางผ่านกระบวนการวุฒิสภา ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในนิติบัญญัติตอนนี้ ดังนั้น หาก นช.ทักษิณ จะฮึดสู้หารักษาการนายกฯ คงต้องเจอด่านหินแน่นอน

โดยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่จะถูกฝ่ายต้านระบอบทักษิณหยิบยกขึ้นมาฟาดฟันแน่ว่า การตั้งรักษาการนายกฯสามารถกระทำได้หรือไม่ การตั้งรักษาการนายกฯใช้กฎหมายใดรองรับ แล้วใครจะเป็นผู้นำทูลเกล้าฯชื่อรักษาการนายกฯ เพราะกรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เพราะตอนนี้ถือว่าไม่มีนายกฯรักษาการ มีแต่รองนายกฯที่อาวุโสปฏิบัติหน้าที่แทนเท่านั้น ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาเคยมีความเห็นว่า คนที่เป็นรองนายกฯ ไม่ใช่นายกฯตัวจริง อำนาจใดที่เป็นของตัวจริง คนที่เป็นรองนายกฯทำแทนไม่ได้ หรือง่ายๆ คือ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้

ดังนั้น หากจะมาเฟ้นหาสุมหัวเลือกกันเองแบบนี้ ดีไม่ดีจะถูกกลุ่ม 40 ส.ว. ชุดประหารหัวน้องปูยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกดอก

ติดล็อกข้อกฎหมายแน่นอน รองนายกฯที่จะมารักษาการ จะรับสนองพระบรมราชโองการไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนให้อำนาจ ฉะนั้นเรื่องมันก็เลยเข้าล็อก การเลือกตั้งจะทำได้มั้ย ยังเป็นเรื่องน่าฉงน!!!

อย่างไรก็ตาม จับสัญญาณจากพรรคเพื่อไทยภายใต้อุ้งเท้า นช.ทักษิณ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ยี่หระกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสักเท่าไหร่ เพราะประเมินว่ายังพอเหลือทางให้เดิน ไม่ได้ตายโหงยก ครม. อีกทั้งนายกรัฐมนตรีตัวจริงอยู่ที่ดูไบ ยังเปิดเกมสู้อีกฮึดได้อยู่

โดยเฉพาะตอนนี้มีการจับตาว่า นช.ทักษิณ จะสู้แนวทางไหน ระหว่างถอยร่นเพื่อยอมเข้าสู่การเจรจากับแตกหักก่อสงครามการเมืองไปเลย ซึ่งหากเป็นแนวทางเจรจาอาจจะต้องยอมขาดทุน เพราะอำนาจต่อรองตอนนี้ต้องยอมรับว่าลดลง หรือแทบไม่มีกำลังภายในเลย จึงเสียเปรียบฝั่งตรงข้าม

จึงมีโอกาสที่จะถอยอีกก้าวเพื่อพยุงรากพยุงโคนต้นมะม่วงไว้ไม่ให้โค่น โดยอาจยอมให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นมา แต่อาจจะมีการต่อรองเรื่องบุคคลที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่ง ซึ่งหากเกี้ยเซี้ยได้ก็ยังพอมีลมหายใจในแวดวงการเมืองไทยต่อไป เพื่อรอวันเอาคืนเมื่อมีพละกำลังพอ

แนวทางนี้ต้องจับตาอย่างมากในระยะนี้ โดยเฉพาะเมื่อก่อนหน้านี้มีข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาวางตุ๊กตาเอาไว้ให้ระบอบทักษิณหายใจ เป็นไปได้หรือไม่ที่ นช.ทักษิณ จะย้อนกลับไปชำเลืองมองเพื่อหาทางรอด

หรือกับอีกแนวทางสุดโต่งยุทธการเกมคนชนคน ตามพะยี่ห้อเอาคนมาตาย เปิดฉากสู้ด้วยเกมมวลชนตามสูตรเดิมเหมือนปี 53 หวังให้บ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ ในจังหวะที่ไหนๆ ก็แพ้แล้ว ยิ่งวันนี้ไม่มีน้องตัวเองอยู่บนตำแหน่งให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ต้องคอยระวังเหมือนแต่ก่อน อาจมีการงัดแผนนี้มาสู้ก็เป็นได้

หลังจากนี้ นช.ทักษิณ อาจมีการเกณฑ์ไพร่พลด้วยการระดมอดีต ส.ส. และพวกแกนนำในพรรคลงมาเล่นการเมืองข้างถนน ปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง อัดท่อน้ำเลี้ยงจัดหาคนระดมเข้ากรุง เพราะหากจะต่อสู้ด้วยข้อกฎหมายคงไม่สามารถต่อกรกับฝั่งตรงข้ามได้อีกต่อไปแล้ว

จึงต้องเปิดฉากเดือดสู้ยิบตา เกลียดได้เกลียดไปไม่ว่า แต่ต้องให้กลัว ความคิดทรราชทักษิณประมาณนี้

เป็นท่าทีที่ต้องจับตาหลังจากนี้ว่านักโทษชายจะเอาอย่างไรกับประเทศไทยอีก!!

ส่วนน้องปูขณะนี้ถือว่ากลายเป็นหมากเบี้ยที่สึกหรอไร้สถานภาพ เป็นซากศพที่หมดค่าในเกมของพี่ชายตัวเองแล้ว หลังจากนี้คงไม่มีบทบาทและความสำคัญอะไรอีกต่อไป แน่นอนว่าต้องถูกตัดทิ้งออกจากเกม เพื่อหาตัวละครใหม่มาเล่นแทน

ขณะเดียวกัน ก็ต้องไปนั่งเสริมสวยปล่อยเอ๋อรอชะตากรรมในคดีรับจำนำข้าวในมือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ง้างดาบรอฟันอยู่วันนี้วันพรุ่ง

แล้วคดีนี้ไม่ได้มีแค่คดีถอดถอนออกจากตำแหน่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในมือ ป.ป.ช. ยังมีคดีอาญา ที่หากฟันฉับขึ้นมาต้องส่งเรื่องไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โทษหนักถึงขั้นนอนคุกสถานเดียว ดังนั้น นช.ทักษิณ คงต้องเขี่ยน้องสาวตัวเองออกไปทำใจสักพัก

น้องปูนาทีหมดค่าแล้วทางการเมือง ไม่ต่างจากเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ต่อให้เป็นน้องสาวในไส้ก็เหอะ!!!