ศอ.รส.เร่งคดีพิเศษ กปปส. เพิ่มผู้ถูกกล่าวหาอีก 236 ราย รวมเป็น 316 ราย เตรียมส่งสำนวนให้อัยการ 1 พ.ค. เชื่อสั่งฟ้องได้ 8 พ.ค. ยันไม่ได้กลั่นแกล้ง ขอประชาชนใช้วิจารณญาณในการร่วมชุมนุม
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) วันนี้ (30 เม.ย.) น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินคดีพิเศษกรณีแกนนำ กปปส. รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และผู้กระทำผิดกฎหมายซึ่งถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการนั้น ขณะนี้มีแกนนำ กปปส. และผู้กระทำผิดกฎหมายที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 236 ราย จากการกระทำผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง จึงมีจำนวนผู้ต้องหาทั้งสิ้น 316 ราย ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนคดีดังกล่าวแล้ว โดยจะส่งไปยังพนักงานอัยการในวันที่ 1 พ.ค.นี้
ทั้งนี้จะแยกส่งสำนวนในครั้งแรกจำนวน 58 ราย โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องทุกคนทุกข้อหาตามฐานความผิด คาดว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้มีคำสั่งทางคดีและฟ้องผู้กระทำผิดได้ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ อันเป็นวันครบกำหนดฝากขังของผู้ต้องหาบางราย โดยหากผู้ต้องหาคนใดที่ยังไม่เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการได้มีคำสั่งควรสั่งฟ้องแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจะได้ขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับ และนำตัวมาฟ้องต่อศาลต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมดจะได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการภายในกลางเดือน พ.ค.เช่นกัน
น.ส.สิริมากล่าวว่า ศอ.รส.ขอย้ำว่าการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมตามปกติ มีความโปร่งใสตรงไปตรงมา ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด แม้การเข้าร่วมการชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีทุกคน โดยไม่มีการละเว้น จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุมดังกล่าว
น.ส.สิริมากล่าวอีกว่า ตามนโยบายของ ศอ.รส.ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ได้เห็นถึงความจำเป็น และความเดือดร้อนของประชาชนจากการที่กลุ่ม กปปส.หรือกลุ่มอื่นใด ได้นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่างๆ ศอ.รส.จึงร่วมกับส่วนราชการดำเนินการเปิดสถานที่ราชการที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง 70 แห่งแล้ว
ทั้งนี้ ศอ.รส.ขอร้องกลุ่มมวลชนทุกกลุ่มให้งดเว้นการปิดล้อม ปิดกั้น และคุกคามการทำงานของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ ศาล และหน่วยงานต่างๆ เพราะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะการให้บริการประชาชนที่จะต้องหยุดลง หรือล่าช้าเสียหาย อันเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย และไม่เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ ศอ.รส.ยังมีนโยบายให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับแกนนำกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มอื่นใดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว โดยขณะนี้มีหน่วยราชการเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก ปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐแล้วทั้งหมด 28 หน่วยงาน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 37 คดี