xs
xsm
sm
md
lg

วุฒิจี้แก้กฎหมายปฏิรูปพลังงาน เสนอรื้อโครงสร้างราคาใหม่ทั้งหมด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เปิดรายงานกมธ.วุฒิสภา พบราคาแอลพีจีไร้ความเป็นธรรม 4 ประการ เสนอแก้ฎหมายปฎิรูป รื้อโครงสร้างราคาใหม่ทั้งหมด กำจัดประโยชน์ทับซ้อน

วันนี้ (25 เม.ย.) คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้นำเสนอรายผลงานการศึกษาเรื่อง "การปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือน" ในระหว่างการเสวนาเรื่องธรรมาภิบาลปิโตรเลียมไทย:ทำไมต้องยกเลิกสัมปทาน โดยได้มีผลสรุปถึงความไม่เป็นธรรมใน 5 ด้านพร้อมมีข้อเสนอแนะ ดังนี้

1.ความไม่เป็นธรรมของระบบสัมปทานปิโตรเลียมกับประชาชนเจ้าของทรัพยากร น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากประเทศไทย ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของชาติ เป็นของประชาชนทุกคน และเป็นต้นทุนสําคัญของราคาก๊าซแอลพีจีที่จําหน่ายในประเทศไทย ควรจะมีราคาต้นทุนที่เป็นธรรมสําหรับประชาชนในฐานะเจ้าของทรัพยากรที่แท้จริง การสํารวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514
หลักกฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในปิโตรเลียมที่เคยเป็นของรัฐและของประชาชนต้องสิ้นสุดไปทันทีเมื่อได้มีการให้สัมปทานไป เมื่อรัฐบาลหรือประชาชนต้องการจะใช้ปิโตรเลียมซึ่งตนเคยเป็นเจ้าของ จะต้องจ่ายเงินซื้อก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบจากผู้รับสัมปทานทั้งหมดภายใต้เงื่อนไขของราคาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายปิโตรเลียมกําหนดไว้ทั้งในและนอกราชอาณาจักร

2.ความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรก๊าซแอลพีจีที่ผลิตได้ในประเทศ การขยายตัวของปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจีของภาคปิโตรเคมี ส่งผลให้เกิดปัญหาแอลพีจีไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการใช้ของผู้ใช้กลุ่มอื่น นโยบายของรัฐบาลกําหนดให้ ปตท.นําเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศเป็นวิธีการแก้ไขปัญหา และให้นําเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำมันไปจ่ายชดเชยราคาส่วนต่างให้กับ ปตท. นับตั้งแต่ปี 2551-2555 มีภาระการชดเชยรวม 120,590ล้านบาท ภาระดังกล่าวนี้ควรเป็นความรับผิดชอบของภาคปิโตรเคมีมาตั้งแต่ต้น แต่รัฐบาลก็ไม่มีนโยบายที่เป็นธรรมในส่วนนี้

3.ความไม่เป็นธรรมในการกําหนดราคาและการใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ต้นทุนแอลพีจีที่รัฐบาลกําหนดขึ้นมา มีความไม่เป็นธรรมในหลายประการ อาทิ มีต้นทุนที่ซ้ำซ้อนปรากฏในรูปของค่าตอบแทนในการจัดหาก๊าซธรรมชาติซึ่งไม่ควรจะมี เพราะ ปตท. ถูกกําหนดให้เป็นผู้รับซื้อก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยแต่เพียงผู้เดียว โดยผ่านระบบท่อก๊าซที่ ปตท.ถือครองอยู่ อีกทั้งต้นทุนหลายๆส่วนก็ไม่ควรจะถูกมารวมคิดเป็นต้นทุนใหม่ อาทิ ต้นทุนโรงแยกก๊าซและ ต้นทุนท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่สร้างก่อนการแปรรูป ปตท. ซึ่งได้ดําเนินการมานานและน่าจะถึงจุดคุ้มทุนแล้ว

4.ความไม่เป็นธรรมอันเกิดจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในอํานาจหน้าที่ของข้าราชการ ราคาก๊าซแอลพีจีและอัตราเรียกเก็บและจ่ายเงินของกองทุนน้ำมันฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ถูกกําหนดขึ้นโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ต่อได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสําหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518เมื่อปี 2550 ทําให้ข้าราชการสามารถเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทธุรกิจพลังงานที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้นอยู่ได้ ส่งผลให้ข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการกําหนดนโยบายปรับขึ้นราคาแอลพีจี การเรียกเก็บและใช้จ่ายเงินกองทุนน้ำมันฯ ทั้งผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และ ปลัดกระทรวงพลังงาน สามารถเข้าไปเป็นกรรมการของบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) และบริษัทในเครือได้ โดยได้รับผลตอบแทนเป็นจํานวนมาก

5. ความไม่เป็นธรรมในการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสต่อสาธารณะระบบข้อมูลของกระทรวงพลังงานไม่อยู่ในลักษณะที่ทําให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย เช่น ไม่มีราคาปิโตรเลียมที่ผู้รับสัมปทานขุดเจาะขายให้กับโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมันเมื่อเทียบกับราคาในตลาดโลกให้สาธารณชนรับทราบ ไม่มีข้อมูลว่าราคาแอลพีจีรวมทั้งราคาน้ำมันที่ผลิตในประเทศกับราคานําเข้ามีความแตกต่างกันเท่าใด ไม่มีการนําเสนอข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ที่สําคัญไม่มีการนําเสนอต้นทุนหรือผลประกอบการของโรงแยกก๊าซเป็นการเฉพาะเพื่อที่จะให้สาธารณชนสามารถตรวจสอบได้ว่า โรงแยกก๊าซมีผลประกอบการที่ขาดทุนจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

ทั้งนี้ คณะกมธ.มีข้อเสนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ประกอบด้วย 1.ให้ยกเลิกการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีและให้ยกเลิกนโยบายการจัดสรรก๊าซแอลพีจีให้ปิโตรเคมีใช้เป็นลําดับแรก โดยให้รัฐบาลมีนโยบายให้แอลพีจีที่ผลิตได้จากทั้งโรงแยกก๊าซธรรมชาติและโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ ต้องจัดสรรให้ประชาชนใช้ก่อนโดยเฉพาะภาคครัวเรือน ด้วยราคาตามต้นทุนที่แท้จริงบวกกําไรที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อผู้ใช้และผู้ผลิตมิใช่ไปอิงราคาตลาดโลก เมื่อเหลือจึงให้ภาคอื่นใช้หากไม่พอให้ภาคอุตสาหกรรมทุกประเภทเป็นผู้รับภาระการนําเข้าเอง

2. ให้ยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากเป็นการจัดเก็บเงินจากประชาชน และใช้จ่ายเงินโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของระบบรัฐสภา มีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ และทําให้โครงสร้างน้ำมันสําเร็จรูปไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง ดังนั้น จะทําให้ราคาน้ำมันสําเร็จรูปชนิดต่าง ๆ มีราคาลดลง เช่น เบนซิน95 ลดลง 10 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 3.30 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์91 ลดลง 1.20บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันอี 20 และอี85 เมื่อไม่มีการนําเงินกองทุนน้ำมันไปจ่ายอุดหนุนแล้ว รัฐบาลจะต้องตรวจสอบราคาจําหน่ายที่หน้าโรงกลั่นและค่าการตลาดที่สูงเกินจริง ไม่ให้เกิดการค้ากําไรเกินควรกับผู้บริโภค

3.ให้มีมาตรการเพื่อยุติการผูกขาดของบริษัทปตท. จํากัด (มหาชน) ที่มีอํานาจผูกขาดในกิจการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง โดยให้ดําเนินการนําท่อส่งก๊าซธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลออกจากปตท. ให้จัดตั้งวิสาหกิจใหม่ขึ้นเป็นผู้ดําเนินการ โดยให้เป็นของรัฐทั้งหมดและห้ามมิให้มีการแปรรูปเป็นเอกชน และ ให้แก้ไขกฎหมายห้ามมิให้ข้าราชการที่มีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบายและกํากับดูแลการพลังงานดํารงตําแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทพลังงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง จนกว่าจะเกษียณอายุแล้ว 2 ปี เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน


กำลังโหลดความคิดเห็น