“ยิ่งลักษณ์” แจงจำนำข้าวผ่านเฟซบุ๊ก ชี้ข้าว อคส.-อ.ต.ก.เกือบ 3 ล้านตันไม่สูญหาย รวมอยู่ที่ปิดบัญชี ยันต้องตรวจสต๊อกให้ถูก เพื่อให้ ป.ป.ช.ทำงานโปร่งใส อย่าเชื่อคำอ้างในข่าว มอบ “ยรรยง” ยื่นสอบข้าวหายจริงหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรม-เช้าเข้า สป.กห. “อดุลย์” รายงานสถานการณ์การเมือง แจงเหตุยืด พ.ร.บ.มั่นคง ก่อนนั่ง ปธ.ถกติดตามการจัดเก็บรายได้และรายจ่าย รมว.คลัง รับยังไม่กังวลเก็บรายได้
วันนี้ (23 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก Yingluck Shinawatra ว่า ในกรณีโครงการรับจำนำข้าวนั้น การที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ไม่ได้นำข้าวที่อยู่ในครอบครองขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 2.977 ล้านตันข้าวสาร มารวมคำนวณทางบัญชีด้วย โดยอ้างว่าข้าวสูญหายนั้น ความจริงแล้วมิได้สูญหายจึงต้องนับว่าสต๊อกนั้นมีอยู่ การไม่นำมารวมคำนวณจึงเป็นการไม่ถูกต้อง และไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าข้าวดังกล่าวสูญหาย ดังนั้นการตรวจสอบ สต๊อกให้ถูกย่อมเป็นภารกิจที่สำคัญ และจะทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ไม่ได้เชื่อเพียงคำกล่าวอ้างดังที่ปรากฎเป็นข่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ (23 เม.ย.) จึงได้มอบหมายให้นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมด้วยการตรวจสอบว่าข้าวจำนวน 2.977 ล้านตันข้าวสาร ที่อยู่ในความครอบครองของ อคส.และ อ.ต.ก.สูญหายจริงหรือไม่ และเพื่อจัดทำเป็นรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นก่อนการพิจารณาและสรุปสำนวนต่อไป
“การที่ดิฉันขอให้ดำเนินการเช่นนี้ ก็เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำรงความยุติธรรมตามหลักนิติธรรม ทั้งเป็นการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาคือตัวดิฉัน ซึ่งมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ได้พิสูจน์ความถูกต้องแท้จริงของข้อกล่าวหา ตามมาตรฐานสากลและการปฎิบัติที่เท่าเทียมกัน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
ขณะที่วันนี้เมื่อ เวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางปฏิบัติภารกิจที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) เมืองทองธานี โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ารายงานสถานการณ์และแนวโน้มการชุมนุมทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในส่วนของกลุ่ม กปปส.และกลุ่ม นปช.รวมถึงการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเนื่อง ที่ล่าสุดมีการยิงเอ็ม 79 ใส่บ้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข การเคลื่อนไหวของข้าราชการ การจัดตั้งกลุ่มทางการเมืองต่างๆ และสรุปรายงานเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอต่อระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ออกไป ซึ่งที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 เม.ย.
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายกฯ เป็นประธานประชุมติดตามการจัดเก็บรายได้และรายจ่ายของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ และอธิบดีทั้ง 3 กรม คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศลกากร นายกิตติรัตน์ กล่าวในที่ประชุมว่า การจัดเก็บรายได้ยังไม่ยังไม่มีความกังวลมาก ไปจนถึงเรื่องที่เกี่ยวพันถึงเศรษฐกิจมหภาคอื่นๆ การใช้จ่ายงบประมาณจะมีบางส่วนที่มีความล่าช้าจากการที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขาดดุลงบประมาณที่วางไว้ แต่สิ่งที่ต้องดูคือ เรื่องฐานการจับเก็บรายได้ที่ดี ที่มีประสิทธิภาพที่จะต้องเตรียมการให้ระดับนโยบาย เพื่อกำหนดนโยบายการคลังในปี 58